กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป.รรท.ผบก.ทล.,พ.ต.อ.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ รอง ผบก.ฯรรท.ผบก.ปปป.,พ.ต.อ.อภิชาต โพธิจันทร์ รอง ผบก.ปปป.,พ.ต.อ.ศราวุธ ศรีสุขศิริพันธ์ รอง ผบก.ปปป., พ.ต.อ.แม่น เม่นแย้ม รอง ผบก.ปปป.,พ.ต.อ.ขวัญชาติ วงศ์ขจรไพบูลย์ รอง ผบก.ปปป.,พ.ต.อ.สมยศ ร่มสน รอง ผบก.ปปป.,พ.ต.อ.ธนวัฒน์ หิ้นยกฮิ่น ผกก.1 บก.ปปป.,พ.ต.อ.ชิษณุพงศ์ ไหวดี ผกก.6 บก.ปปป.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. นำโดย นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช., นายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.,นายพิศิษฐ์ พัฒนกิจจำรูญ ผอ.สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ,นายธวัชชัย สุขศิริผล ผอ.กลุ่มปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยและกิจการพิเศษ,นายถิรายุ สมานสินธุ์ นักสืบสวนคดีทุจริตชำนาญการพิเศษ,นายทรงพล เล็กพูนศักดิ์ นักสืบสวนคดีทุจริตชำนาญการ และ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. นำโดย นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สราวุธ คำเหลือง ผู้อำนวยการกองอำนวยการต่อต้านการทุจริต,นายอัศวิน แสงเกียรติยุทธ นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการ,นายสุวิชชา อ่อนคล้าย นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการ,นายประเสริฐ ศรีเกตุ นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการ,นายอัศวิน แสงเกียรติยุทธ นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการ และศูนย์ปฎิบัติการต่อต้านการทุจริตกรุงเทพมหานคร(ศปท.กทม.) ตามนโยบาย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดย พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ร่วมกันจับกุม นายสมพงษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 59 ปี ดำเนินคดีในความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบ ด้วยหน้าที่ ตาม ป.อาญา มาตรา 149 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่ง ผู้ใด หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตาม ป.อาญา มาตรา 157 ”,“เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต,เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ เรียก รับ หรือยอมที่จะรับ หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบ หรือมิชอบด้วยหน้าที่ อันเป็นความผิด ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172,173″
สถานที่จับกุม ด้านล่างตึก บริเวณลานจอดรถ สำนักงานเขตดุสิต แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(บก.ปปป.) ได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย กรณี จนท.เทศกิจ เขตดุสิต ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เรียกรับเงินจากผู้เสียหายซึ่งเป็น
ผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้าง ให้ จ่ายค่าคุ้มครองเพื่อแลกกับการไม่เข้าไปตรวจที่ไซต์งานพฤติการณ์ กล่าวคือ จนท.เทศกิจ เขตดุสิต เข้าไปที่ไซต์งานก่อสร้างของผู้เสียหาย เพื่อแจ้งให้ผู้เสียหายเข้าไปพบ กับ นายสมพงษ์ฯ ที่ สำนักงานสำนักงานเขต ดุสิต ฝ่ายเทศกิจ เมื่อวันที่ 22 ก.ย.66 ผู้เสียหายได้เข้าไปพบกับนายสมพงษ์ฯ ตามที่ได้นัดหมายเพื่อเจรจาให้ผู้เสียหายจ่ายค่าคุ้มครองแลกกับการไม่เข้าไปตรวจที่ไซต์งานเป็นจำนวนเงิน เดือนละ 3,000 บาท ต่อมาเมื่อวันที่ 6 ต.ค.66 เวลา 10.07 น. นายสมพงษ์ฯ ได้โทรศัพท์มาตามให้ผู้ร้องเรียนเข้าไปพบเพื่อเจรจาสรุปยอดเงินค่าคุ้มครองแลกกับการไม่เข้าไปตรวจไซต์งาน ได้ข้อสรุปจาการเจรจาว่าให้จ่ายเงินเป็นรายปีระยะเวลารวม 12 เดือน เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 6,000 บาท และได้นัดหมาย ในวันอังคารที่ 10ต.ค.66 เวลา 10.00 น. ที่ ฝ่ายเทศกิจ อาคารอภิบาลดุสิต ชั้น 3 สำนักงานเขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
วันที่ 9 ต.ค.66 เวลาประมาณ 14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป.พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ท. ผู้เสียหายนำเงินสดจำนวนทั้งสิ้น 6,000 บาท มาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ กก.1 บก.ปปป. เพื่อเป็นพยานหลักฐาน
วันที่ 10 ต.ค.66 เวลาประมาณ 10.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป.พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ท. ได้ร่วมกันวางแผนโดยให้ ผู้เสียหายนำเงินสดซึ่งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้ว นำมามอบให้ เจ้าหน้าที่เทศกิจ เขตดุสิต ที่ ด้านล่างตึก บริเวณลานจอดรถ สำนักงานเขตดุสิต แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร โดยมีเจ้าหน้าที่ฯเฝ้าสังเกตการณ์อยู่บริเวณโดยรอบและเมื่อผู้เสียหายได้ส่งมอบเงินแล้ว เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานเพื่อเข้าทำการตรวจค้น ขณะทำการตรวจค้น พบว่ามีเงินสดจำนวน 6,000 บาท บรรจุอยู่ภายในซองจดหมายสีขาว ภายในครอบครองของเจ้าหน้าที่เทศกิจ เขตดุสิต เจ้าหน้าที่ฯจึงทำการตรวจสอบเงินสดต่อหน้าผู้ต้องหา พบว่าหมายเลขธนบัตรตรงกับหมายเลขธนบัตรที่ลงบันทึกประจำวันไว้จึงได้แจ้งพฤติการณ์และข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบ นำส่ง พงส.กก.1 บก.ปปป. โดย พงส. บก.ปปป. จะได้สอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำส่งสำนวนให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา