วันนี้(11 ต.ค.66) เวลา 14.00 น.ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้เดินทางมาเป็นพยานศาล ในคดีที่พนักงานอัยการ ยื่นฟ้องนายฌอน บูรณะหิรัญ กรณีที่นายฌอนได้โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัวขอรับเงินบริจาค ระหว่างวันที่ 30 มี.ค.63 ถึง 1 พ.ค. 63 เพื่อนำมาช่วยดับไฟป่าดอยสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ แต่กลับนำไปซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์แล้วนำไปบริจาคให้โรงพยาบาลต่างๆเพื่อป้องกันโรคโควิดแทน อันถือเป็นการรับบริจาคเงินที่นำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ทั้งนี้ นายฌอนได้ออกมาชี้แจงว่ามีผู้ร่วมบริจาคเป็นจำนวนเงิน 875,741.53 บาท แต่ทว่ากลับมีการนำเงินบริจาคจำนวน 254,516.53 บาท ใช้ทำสื่อเพื่อประชาสัมพันธ์ในเพจของตนเองอันเป็นการแสวงหาประโยชน์ส่วนตน แม้การบริจาคมีวัตถุประสงค์เป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ แต่จะต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรเสียก่อน ตามความใน มาตรา 6 ประกอบมาตรา 8 แห่ง พระราชบัญญัติควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ.2487 เสียก่อน แต่ไม่ปรากฎว่านายฌอนได้ดำเนินการแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ตามกฎกระทรวงกำหนดให้นายอำเภอ เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม มาตรา 8 สำหรับในเขตพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งผู้ขออนุญาตต้องไม่เคยต้องโทษเกี่ยวกับทรัพย์ กรรโชก ฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์ หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายลักษณะอาญา หากใครฝ่าฝืนย่อมมีความผิดตาม มาตรา 17 ประกอบ มาตรา 19 ได้หรือหากผู้จัดกิจกรรมปิดบังอำพรางข้อเท็จจริงก็อาจเข้าข่ายความผิดฐานแจ้งความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 ด้วย
กรณีการขอรับบริจาคของนายฌอน บูรณะหิรัญ ดังกล่าวนั้นมีข้อต่อสู้ว่าได้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ อาทิ
1.กิจกรรมการเรี่ยไรดังกล่าวมีการดำเนินการขออนุญาตจากนายอำเภอเมือง จ.เชียงใหม่ ตามกฎกระทรวง แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร 2487 แล้วหรือไม่ อย่างไร
2.กิจกรรมการเรี่ยไรดังกล่าวมีการออกใบรับเงินให้กับผู้บริจาคทุกคนและมีต้นขั้วใบรับไว้เป็นหลักฐานตามที่กำหนดไว้ใน มาตรา13 หรือไม่
3.เงินบริจาคที่ได้มาดังกล่าว มีการนำไปใช้จ่ายในการจัดทำสื่อเพื่อประชาสัมพันธ์ตนเอง เป็นการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ตาม มาตรา 14 หรือไม่
อย่างไร และหากนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์อาจเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง ตามกฎหมายอาญา มาตรา 341 ได้ที่ระบุว่า “ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งและโดยการหลอกลวงให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
“ทั้งนี้กิจกรรมการขอรับบริจาคของนายฌอนได้ดำเนินการเสร็จสิ้นลงไปนานแล้ว อาจเป็นการดำเนินการที่ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ.2487 และประมวลกฎหมายอาญา ก็อาจมีความผิดตาม ม.14 แห่ง พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 ตามไปด้วย ย่อมถือได้ว่า “เป็นความผิดที่สำเร็จแล้ว” ซึ่งตนได้ไปแจ้งความต่อตำรวจ ปอท. เมื่อ 2 ก.ค.63 จนมีการรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานส่งอัยการฟ้องต่อศาล และศาลได้เรียกให้ตนมาเป็นพยานศาลในวันนี้ ซึ่งตนก็ได้อธิบายและยืนยันในข้อเท็จจริงตามฟ้องและตามการซักพยานของฝ่ายอัยการและถามค้านของทนายฝ่ายจำเลยแล้วทุกประการ นายศรีสุวรรณกล่าว