คนแต่งเครื่องแบบชุด”ตำรวจ”… ในอดีต ถึงปัจจุบัน,สะท้อนตัวตนของพวกเขาออกมาให้ประชาชนเห็นชัดขึ้นในหลายบริบทของพฤติกรรม
ก็เห็นได้จาก “การกระทำ” ของพวกเขานั่นแหละ มันหลุดออกมา…ให้เห็นเอง!!
ผู้นำในอดีต “กรมตำรวจ” ถึงปัจจุบัน ใน “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ที่ช่วยกันปลุกสำนึก เพื่อเป็นตำรวจของประชาชน โดยใช้คำขวัญสะท้อนออกมา…มากมาย
ตัวอย่าง…
ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีสิ่งใดที่ตำรวจไทยทำไม่ได้
แล้วหยอดคำสุดท้ายไว้หน่อย…”ในทางไม่ขัดต่อศีลธรรม”
ยุค พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ เปลี่ยนเครื่องแบบจากทหารมาสวมเครื่องแบบตำรวจ พ.ศ.2495
จากนั้นมา…ภาษาคำขวัญของตำรวจ ค่อนข้างจะดุดันเรื่อยมา
“ตำรวจมีหน้าที่ปราบปรามก็ต้องปราบ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็ต้องเอาด้วยกลไม่ได้ด้วยมนต์ ก็ด้วยคาถา
ช่วยกันคิด กฎหมายใช้ไม่ได้ ก็ต้องเลี่ยงเสีย ไม่อย่างนั้นจะมาเป็นตำรวจทำไม…”
“ตำรวจต้องใหญ่กว่าโจร-นักเลงต้องกลัวตำรวจ ไม่ใช่ตำรวจไปนั่งกลัวนักเลง”
“เคารพเอ้อเฟ้อต่อหน้าที่ กรุณาปราณีต่อประชาชน
อดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความลำบาก ไม่มักมากต่อลาภผล….”
กับบทที่ว่า…
“งานตำรวจตรวจตราหาความผิด เพื่อพิชิตคนพาลสันดานถ่อย
เพื่อไมให้ก่อกรรม ขึ้นซ้ำรอย และเพื่อคอย คุ้มครองผองคนดี”
กับอีกมากมายหลายต่อหลายวลี…ในทุกครั้งของการเปลี่ยนอำนาจนาย และวันตำรวจของทุกปี
สุดท้าย…มีคำขวัญติดป้ายข้อความไว้หน้า สน.ทั่วประเทศ
“หลับเถิดปวงประชา ตำรวจกล้าจะคุ้มภัย”
ในที่สุดก็ถูกสั่งปลดป้ายดังกล่าว ออกจากทุก สน.เพราะมีคนท้วงติง ตั้งแต่มีป้ายดังกล่าว ชาวบ้านนอนไม่หลับทั้งคืน เพราโจรมันดักปล้นตอนดึก…ขณะนอนหลับ
มาถึงยุคท่าน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ก็มีคำกล่าวจากใจ ถึงข้าราชการตำรวจ
…ขอให้ทุกคนตั้งใจทำงาน….”ไม่ต้องมาดูแลผมและผู้บังคับบัญาชาทุกคน…เอาเวลาไปดูแลพี่น้องประชาชนให้ดี เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับพี่น้องในพื้นที่…”
แหม…พูดเหมือนนักการเมืองเปะเลย ว่าแต่เด็กๆจะเชื่อหรือไม่??
หรือเอาป้ายข้อความ…ไปติดไว้หน้า สน.”ที่นี่ปลอดส่วย ห้ามเจ้านายทุกท่านรบกวน”
เพราะนายส่วนใหญ่นิสัยเสีย…รับส่วยจากลูกน้อง ทุกพื้นที่แหละครับ!!เจ้านาย…
