วันเสาร์, กันยายน 21, 2024
หน้าแรกอาชญากรรมรู้ว่า “บ้านบิ๊กโจ๊ก” แต่ต้องค้น “มีความผิดอะไร?” เกี่ยวพันเรื่องไร?

Related Posts

รู้ว่า “บ้านบิ๊กโจ๊ก” แต่ต้องค้น “มีความผิดอะไร?” เกี่ยวพันเรื่องไร?

“…วันนี้ รปภ.ผู้กุมความลับแต่ผู้เดียวได้เผยออกมาแล้ว ให้บันทึกกับตำรวจแล้วด้วย โดยเข้าให้ปากคำกับตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง ยืนยันตำรวจชุด PCT 4 รู้แต่แรกแล้วว่ามาค้นบ้านใคร โดยเจ้าหน้าที่ตํารวจตอบชัดเจนว่า “ค้นบ้านนายโจ๊ก” จึงต้องถาม “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ว่าการที่ตำรวจอันเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านเองมีข้อมูลการทำผิดกฏหมาย แล้วกล้าที่จะทำหน้าที่เข้าตรวจค้นบ้านผู้บังคับบัญชาระดับสูงอย่างนี้ และสามารถจับกุมตัวผู้กระทำความผิด เกี่ยวพันกับการพนันออนไลน์ได้มากมาย บางส่วนที่เป็นตำรวจ บางคนอาศัยบ้านพักที่เดียวกับบิ๊กโจ๊ก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายตำรวจที่ทำงานใกล้ชิดท่านอีกด้วย ท่านไม่อยากรู้หรือว่า คดีนี้มีใครเป็นคนร้าย มีใครอยู่เบื้องหลัง เพื่อจะได้ทำหน้าที่บังคับใช้กฏหมายปราบปราม แก๊งการพนันออนไลน์ให้สิ้นซาก ตามหน้าที่ที่ตนเองยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ การทอดกฐินประจำปี 2566 วัดห้วยปลากั้ง จังหวัดเชียงราย เป็นบุญกุศลแต่การที่ปฏิบัติหน้าที่ เพื่อความผาสุขของผู้คนในสังคม นับว่าเป็นมหากุศลอย่างสูงที่สุด เชียวนะ…”

จากข่าวที่ถูกเผยแพร่ออกมาล่าสุด เมื่อวันที่ 3 พ.ย.66 อดีต รปภ.หมู่บ้าน   ยันชุด PCT 4 รู้แต่แรกว่าค้นบ้านใคร และเข้าให้ปากคำกับตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง ยืนยันว่าตำรวจชุด PCT 4 รู้แต่แรกแล้ว ว่ามาค้นบ้านใคร

โดยเมื่อวันที่ 3 พ.ย. ที่ สน.ทุ่งสองห้อง นายสหรัฐ อายุ 34 ปี อดีตพนักงานรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มาลงบันทึกประจำวันและเป็นพยานในกรณีที่เจ้าหน้าที่ตํารวจชุด PCT 4 ตรวจค้นบ้านพักของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่หมู่บ้านเห่งหนึ่งในซอยวิภาวดี 60 กทม. หลังสโมสรตำรวจ หลังพบมีเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์

นายสหรัฐ กล่าวว่า วันนี้มาลงบันทึกประจำวันเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่าวันนั้น (25 ก.ย.) ตนทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยในหมู่บ้านเห่งหนึ่ง ซอยวิภาวดี 60 กทม. หลังสโมสรตำรวจ มีการเปลี่ยนเวรกับเพื่อนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยผลัดเก่า เมื่อมาถึงทางเข้าหมู่บ้านได้พบกับบุคคลที่สวมใส่เสื้อด้านหลังปักคำว่า “CYBER”

นายสหรัฐ กล่าวต่อว่า ขณะเปลี่ยนเวรพบว่ามีรถยนต์ขับตามกันมา 4-5 คัน จึงสอบถามเพื่อทำการแลกบัตร กับบุคคลดังกล่าว เชื่อว่าน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจะนำหมายค้นมาแสดงกับตน พอเห็นหมายค้นจึงจำเป็นต้องอนุญาตให้ตำรวจชุดดังกล่าวเข้าไปภายในหมู่บ้าน ยืนยันว่าตนทราบเหตุการณ์และข้อเท็จจริงดังกล่าวแต่เพียงผู้เดียว เพราะในวันและเวลาที่เกิดเหตุตนอยู่ที่ป้อมหน้าหมู่บ้านเพียงคนเดียว

นายสหรัฐ กล่าวด้วยว่า ที่มาลงบันทึกประจำวันเพื่อความสบายใจของตนเอง วันเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ตํารวจนอกเครื่องแบบหลายนาย พร้อมรถยนต์หลายคันจะมาขอตรวจค้นบ้านพัก พร้อมแสดงหมายตรวจค้นจากศาล ซึ่งตนเองถามว่ามาค้นบ้านใคร เจ้าหน้าที่ตํารวจตอบชัดเจนว่า “ค้นบ้านนายโจ๊ก” จึงอนุญาตให้ตำรวจชุดดังกล่าวเข้าไปในหมู่บ้าน พอหลังจากเข้าตรวจค้นตำรวจชุดที่ตรวจค้นออกมาพูดย้อนแย้ง บอกว่าพนักงานสอบสวนไม่ได้แจ้งต่อศาลว่าจะขอหมายค้นเข้าตรวจค้นบ้านพักของ พล.ต.อ สุรเชษฐ์

นายสหรัฐ บอกว่า ตนได้บอกว่าหากตำรวจชุดดังกล่าวไม่ได้แสดงหมายค้นคงขอแลกบัตรเหมือนกับประชาชนคนอื่นๆ เนื่องจากเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ต้องทำอยู่แล้ว แต่พอเห็นหมายค้นจึงจำเป็นต้องอนุญาตให้ตำรวจชุดดังกล่าวเข้าไปภายในหมู่บ้าน

ส่วนสาเหตุที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน นายสหรัฐเผยว่า นิติบุคคลของหมู่บ้านสั่งห้ามไว้ แต่ตอนนี้ตนลาออกจากหน้าที่แล้ว ซึ่งลาออกเพราะเหตุผลส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด จึงตัดสินใจมาลงบันทึกประจำวันไว้ หลังจากนี้หากพนักงานสอบสวนจะเรียกสอบปากคําเพิ่ม ก็ยินดีเข้ามาให้ปากคําเพิ่มเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เพราะความจริงก็คือความจริง ไม่มีทางจะลบเลือนได้อย่างแน่นอน

หากย้อนเหตุการณ์ในวันนั้นสังคมไทยคงจำได้ดี ช่วงเช้าของวันที่ 25 ก.ย.2566 ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ตำรวจชุดปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ PCT 4  นำหมายค้นและหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ เข้าไปขอตรวจค้นและจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซอยวิภาวดี 60 หลังสโมสรตำรวจ

การเข้าตรวจค้นครั้งนี้ ตำรวจชุด PCT 4 ได้ขอสนธิกำลังตำรวจคอมมานโด พร้อมอาวุธปืน และตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจ สอท.รวม 8 ชุด

เป้าหมายภายในหมู่บ้านแห่งนี้ มี 5 หลังที่เข้าตรวจสอบ หลังแรกเป็นบ้านทาวน์โฮม 2 หลังติดกัน ซึ่งเป็นที่พักของนายตำรวจติดตามของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล โดยหน้าบ้านมีรถยนต์อีซูซุ 5 ประตู ของนายตำรวจติดตามจอดอยู่ รวมทั้งมีเครื่องแต่งกายตำรวจอยู่ภายในรถ โดยบ้านทั้ง 2 หลัง ได้จับกุมตัว พ.ต.ต. ชานนท์  (นายตำรวจติดตาม) และ ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ และ ส.ต.อ.อภิสิทธิ์

ส่วนบ้านหลังที่ 3 และ 4 เป็นทาวน์โฮมติดกัน ห่างจากจุดแรกประมาณ 50 เมตร เป็นบ้านพักของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ โดยหน้าบ้านมีรถยนต์จอดอยู่ 3 คัน หมายเลขทะเบียนตรงกันคือหมายเลข 51 ซึ่งเป็นรถที่บิ๊กโจ๊กใช้ขับสลับกัน ในการเดินทางไปราชการ

ในครั้งแรกที่พนักงานสอบสวนได้แสดงหมายค้นกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็ได้ออกมาหน้าบ้านในสภาพชุดนอน เสื้อสีขาว กางเกงขาสั้น ถุงเท้าสีขาว และแสดงท่าทีไม่พอใจ พร้อมตำหนิชุดพนักงานสอบสวน และชุดที่มาตรวจ พร้อมกับไล่ให้กลับไป และยังร้องขอให้นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เข้ามาร่วมตรวจค้นด้วยตัวเอง ก่อนเดินกลับเข้าไปในบ้าน

ผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า เวลา 08.40 น. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ บิ๊กเจี๊ยบ ได้เดินทางมาถึงที่หน้าบ้านของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เจ้าตัวจึงเปิดประตูต้อนรับและเชิญให้ พล.ต.ท.วรวัฒน์ และคณะ เข้าไปพูดคุยภายในบ้าน ใช้เวลาพูดคุยกว่า 20 นาที

จากนั้นเวลา 09.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงพาคณะของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ เดินออกจากบ้านเพื่อมาตรวจค้นจุดที่ 5 ซึ่งเป็นบ้านของพ่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้ข้อมูลวันนั้นว่า เป็นบ้านที่ซื้อให้พ่อ แต่ปัจจุบันพ่อได้เสียชีวิตไปแล้ว จึงไม่มีคนพักอาศัย โดยก่อนเข้าบ้านมีการกดใส่รหัสผ่าน จากนั้นชุดตรวจค้นจึงเข้าไปตรวจสอบภายในบ้าน แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย

เวลา 09.10 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงพาชุดตรวจค้นเดินย้อนกลับบ้านหลังที่ 1-2 ซึ่งเป็นบ้านของนายตำรวจติดตาม เพื่อนำตรวจค้น ใช้เวลาตรวจค้นไม่เกิน 10 นาที ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย สุดท้ายพนักงานสอบสวน ได้นำหมายค้นให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เซ็นรับทราบหมายค้นทั้ง 5 จุด

ต่อมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่บริเวณหน้าบ้าน ยืนยันว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนัน แต่หากหมายจับเป็นชื่อของลูกน้องก็ให้ดำเนินการตามกฏหมายและให้ลูกน้องไปชี้แจง นอกจากนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังยืนยันว่า ตัวเองทำงานด้านการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และพนันออนไลน์เท่านั้น แต่เมื่อมีหมายจับและหมายค้นมาก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ

ต่อมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การเข้าตรวจค้นบ้านตนเป็นการปกปิดข้อเท็จจริงต่อศาล เพราะเจ้าหน้าที่ทราบดีว่าเป็นบ้านที่ตนอาศัย แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดให้ศาลทราบ บ้านหลังดังกล่าวเป็นชื่อญาติตน แต่การขอหมายค้นเข้าไปจับ พ.ต.ต.ชานนท์  นตต.รอง ผบ.ตร.นายเวรตน ต้องทราบดีว่านายเวรต้องอยู่ที่บ้าน เป็นการปกปิดข้อเท็จจริงให้ศาลทราบ หากศาลทราบว่า เป็นบ้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ศาลคงให้ความเป็นธรรม ในเรื่องคดี ตนยังไม่ได้ถูกกล่าวหา แต่ยกกำลังตำรวจมาเป็นโขยง ทำให้ตนเสียชื่อเสียง เป็นการปกปิดข้อเท็จจริงหลอกศาล ทำให้ศาลไม่รู้ข้อเท็จจริงทั้งหมด มาขอความเป็นธรรมเพื่อให้ศาลพิจารณามีคำสั่งไต่สวนเรื่องการละเมิดอำนาจศาล

ซึ่งต่อมา ศาลอาญาได้ออกมาชี้แจงเรื่องการออกหมายค้น “บ้านบิ๊กโจ๊ก” ว่าออกโดยชอบตามพยานหลักฐานที่ได้รับ และตามกฎหมายไม่ต้องคำนึงว่าเป็นบ้าน ขรก.ระดับสูงหรือบุคคลสำคัญ ชี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่ากรณีนี้มีเจตนาปิดบังข้อเท็จจริงต่อศาลหรือไม่?

โดยเมื่อ 29 ก.ย.2566  ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ได้เผยแพร่เอกสารชี้แจงกรณีการออกหมายค้นบ้านของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ระบุว่า หลังจากปรากฏข่าวว่า เจ้าพนักงานตำรวจได้นำหมายค้นซึ่งออกโดยศาลอาญา ไปตรวจค้นบ้านพักอาศัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ซึ่งต่อมามีบุคคลอ้างว่าเป็นข้าราชการตำรวจ ตำแหน่งระดับสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ข่าวว่าเป็นบ้านพักอาศัยของตน เจ้าพนักงานตำรวจผู้ร้องขอให้ออกหมายค้นหลอกลวงศาล ด้วยการปิดบังข้อเท็จจริงไม่ให้ข้อมูลต่อศาลว่าบ้านหลังที่ขอให้ออกหมายค้นเป็นบ้านพักของข้าราชการตำรวจตำแหน่งระดับสูง ในลักษณะว่าเป็นเหตุให้ศาลออกหมายค้นไปโดยผิดหลง นั้น

ศาลอาญาตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่า ศาลอาญาออกหมายค้นไปโดยชอบ ตามพยานหลักฐานที่ผู้ร้องขอให้ออกหมายค้นนำเสนอ ซึ่งกรณีหากมีเหตุที่จะออกหมายค้นที่รโหฐานใดๆ ตามกฎหมาย เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจหน้าที่สามารถร้องขอให้ศาลออกหมายค้นได้ โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงว่าที่รโหฐานนั้นจะมีข้าราชการตำแหน่งระดับสูง หรือผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง หรือบุคคลสำคัญคนใด เป็นเจ้าของหรือครอบครองอาศัยอยู่หรือไม่?

แต่ในการยื่นคำร้องขอให้ออกหมายค้นหรือในการนำเสนอพยานหลักฐานต่อศาล ผู้ร้องมีหน้าที่ต้องเบิกความหรือให้การต่อศาลตามความเป็นจริงโดยไม่ปิดบังข้อมูลว่า บ้านหลังที่ขอค้นมีบุคคลซึ่งดำรงตำแหน่งข้าราชการระดังสูง หรือผู้มีตำแหน่งระดับสูง หรือบุคคลซึ่งสังคมให้ความสำคัญโดยฐานะหรือโดยสถานภาพทางหน้าที่การงาน ครอบครองเป็นเจ้าของหรือพักอาศัยอยู่หรือไม่ เพื่อศาลจะได้ใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคำร้องขอให้ออกหมายค้นอย่างรอบคอบว่า มีเหตุที่จะออกหมายค้นตามกฎหมายจริงตามที่เจ้าพนักงานผู้ร้องขอให้ออกหมายค้นกล่าวอ้างหรือไม่ ซึ่งเป็นไปตามหลักการในการรับฟังพยานหลักฐาน

มิเช่นนั้นแล้ว หากได้ข้อมูลไม่ครบถ้วนย่อมมีความเสี่ยงที่จะกระทบสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานในการครอบครองอยู่อาศัยในเคหสถานของบุคคลโดยปกติสุข ตามที่มีการรับรองไว้ในบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ

ดังนั้น ศาลอาญาจึงอยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบต่อไปว่า มีกรณีที่เจ้าพนักงานผู้ร้องขอให้ออกหมายค้นหรือผู้ที่ให้การเป็นพยานในชั้นขอให้ศาลออกหมายค้นเจตนาปิดบังข้อเท็จจริงต่อศาลในการนำเสนอพยานหลักฐานตามที่มีการเสนอข่าวหรือไม่ ทั้งนี้เพื่อให้ปรากฏข้อเท็จจริงโดยชัดเจน เพื่อความโปร่งใสและเพื่อให้ผู้ร้องขอให้ออกหมายค้นพึงระมัดระวังมาตรฐานในการนำเสนอพยานหลักฐานของตนต่อศาล และเพื่อพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

เหตุการณ์ในคดีนี้ มีการจับกุมตัวผู้ที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ไปหลายคน ทั้งที่เป็นตำรวจใกล้ชิดกับ บิ๊กโจ๊ก แถมที่จับได้คาบ้านพักเป็นนายตำรวจระดับสูง ทำงานกับ บิ๊กโจ๊ก พักอาศัยอยู่ใกล้เคียงกัน  และพลเรือนอีกจำนวนหลายคน ตรวจพบการกระทำความผิดของเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์  เปิดให้เล่นการพนันออนไลน์ สลอต บาคารา กาสิโนออนไลน์ เกมพนันออนไลน์อื่นๆ ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียจำนวนมาก ทั้งแอปพลิเคชันไลน์และเฟซบุ๊ก เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 4 ตรวจพบกลุ่มผู้ต้องหาบางส่วน ได้ใช้บัญชีโอนเงินเข้าออกในเครือข่ายพนันออนไลน์อยู่ในท้องที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ

รายงานข่าววันนั้น เผยว่าชุดคลี่คลายคดีจับกุมผู้ต้องหานายตำรวจคนสนิทของ “บิ๊กโจ๊ก” เพราะจากการตรวจพบเส้นทางการเงินเครือข่ายพนันออนไลน์ ระดับเจ้าของเว็บไซต์ มีการโอนถ่ายผ่านบัญชีม้าเข้าสู่บัญชีของผู้ต้องหาจำนวนมาก มีการใช้บัญชีม้าและบัญชีส่วนตัวโอนไปมาระหว่าง พล.ต.ต.นายหนึ่ง และ พ.ต.อ.ระดับผู้กำกับอีก 2 นาย และยังมีนายตำรวจระดับผู้กำกับการกับนายตำรวจระดับสารวัตรที่ยังไม่ถูกออกหมายจับอีก 4 นาย

ทั้งนี้ ยอดเงินโอนทั้งหมดผ่านบัญชีม้าและบัญชีผู้ต้องหา รวมกันจำนวน 51 ครั้ง รวมเป็นเงิน 3,659,890 บาท ทำธุรกรรมผ่านตู้ซีดีเอ็ม (CDM) และการฝากเงินสด มีการตรวจพบหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงการนำเงินไป ทำธุรกรรมส่วนตัวกับคนรอบตัว บิ๊กโจ๊ก อีกทั้งยังมีการแฉออกมาว่า น.ส.ธันยนันท์ หรือมินนี่ เจ้ามือการพนันออนไลน์ กับ พ.ต.อ.ภาคภูมิ นายตำรวจคนสนิท บิ๊กโจ๊ก ด้วยว่า น่าจะคบหากันลึกซึ้ง เนื่องจากมีภาพทั้งคู่นั่งโอบกัน ประกอบกับมีการแจ้งเลขบัญชีกันผ่านแอปพลิเคชันไลน์ด้วย ต่อมาทั้งคู่ก็ออกมายอมรับความจริงว่า คบหากันเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น แต่ได้เลิกลากันไปแล้ว

นั่นคือสาระสรุปรายละเอียดของคดีที่เกิด วันนี้ รปภ.ผู้กุมความลับแต่ผู้เดียวได้เผยออกมาแล้ว ให้บันทึกกับตำรวจแล้วด้วย โดยเข้าให้ปากคำกับตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง ยืนยันว่า ตำรวจชุด PCT 4 รู้แต่แรกแล้ว ว่ามาค้นบ้านใคร โดยเจ้าหน้าที่ตํารวจตอบชัดเจนว่า “ค้นบ้านนายโจ๊ก”

จึงต้องถาม “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ว่าการที่ตำรวจอันเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านเองมีข้อมูลการทำผิดกฏหมาย แล้วกล้าที่จะทำหน้าที่เข้าตรวจค้นบ้านผู้บังคับบัญชาระดับสูงอย่างนี้ และสามารถจับกุมตัวผู้กระทำความผิด เกี่ยวพันกับการพนันออนไลน์ได้มากมาย บางส่วนที่เป็นตำรวจ บางคนอาศัยบ้านพักที่เดียวกับบิ๊กโจ๊ก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายตำรวจที่ทำงานใกล้ชิดท่านอีกด้วย

ท่านไม่อยากรู้หรือว่า คดีนี้มีใครเป็นคนร้าย มีใครอยู่เบื้องหลัง เพื่อจะได้ทำหน้าที่บังคับใช้กฏหมายปราบปราม แก๊งการพนันออนไลน์ให้สิ้นซาก ตามหน้าที่ที่ตนเองยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ภัยร้ายเรื่องการพนันออนไลน์ที่ทำร้ายผู้คนในสังคมไทยจะได้ลดน้อยลง เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องจะได้หลาบจำ จะไม่มีตำรวจคนไหนกล้าปฏิบัติตัวไปหาประโยชน์กับกลุ่มทุนสีเทาอีก ควรที่จะตั้งทีมสอบสวนเรื่องนี้ หามือสอบสวนที่เชี่ยวชาญงานด้านนี้ หรือเร่งกระชับการทำงาน การสอบสวนอย่างจริงจัง ส่งเสริมช่วยทำคดีกับชุดที่เปิดยุทธการปราบปรามการพนัน ก็คือตำรวจชุดนี้

สำหรับตัว “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. จะได้ถือโอกาสนี้ แสดงความบริสุทธิ์ใจได้อย่างเต็มที่ มีโอกาสแถลงข้อเท็จจริงอย่างเป็นทางการ มีบันทึกสำนวนทางคดีเป็นหลักฐาน ระยะเวลาที่เหลือของการรับราชการยังอยู่อีกยาว หากผ่านเรื่องนี้ไปด้วยความบริสุทธิ์ ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ โอกาสที่จะขึ้นรับตำแหน่งใหญ่โตในภายภาคหน้า จะไร้ข้อกังขาของสังคม ไม่มีการครหาในเรื่องนี้อีก

เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ที่ผ่านมา การที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.รวมทั้งข้าราชการตำรวจ ประชาชนชาวเชียงราย และต่างจังหวัดร่วมทอดกฐินประจำปี 2566 วัดห้วยปลากั้ง จังหวัดเชียงราย โดยมีพระไพศาลประชาทร วิ. (หลวงพ่อพบโชค) อนุโมทนาบุญเจ้าภาพ-ประธานกฐินทุกกองทุกสายที่ได้หลั่งไหลมาจากทุกทั่วสารทิศ ที่เดินทางมาร่วมทำบุญครั้งนี้ เพื่อได้บุญกุศลต่อชีวิต

แต่การที่ปฏิบัติหน้าที่ เพื่อความผาสุขของผู้คนในสังคม นับว่าเป็นมหากุศลอย่างสูงที่สุด เชียวนะ!!!!

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts