หรือ โควิดกลายเป็นโรคประจำถิ่นไปแล้ว??

ตรวจกลุ่มเสี่ยง 42 คน พบเชื้อ 42 คน = 100 % หรือว่าโควิดกลายเป็นโรคประจำถิ่นไปแล้ว??

ช่วงค่ำวันที่ 9 มี.ค.65 ที่ผ่านมา นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งกลุ่มอาสา “สายไหมต้องรอด” นำทีมงานลงพื้นที่ภายในซอยจตุโชติ 4 เขตสายไหม กทม. หลังได้รับแจ้งจากผู้พักอาศัยบริเวณใกล้เคียงว่ามีคนป่วยมีอาการไอ เดินอยู่ภายในซอยหลายคน เมื่อเดินทางมาถึง พบว่ามีกลุ่มเสียงจำนวน 42 ราย ทั้งคนไทยและต่างด้าว จึงได้นำชุดตรวจ ATK ที่ได้รับการสนับสนุนจาก สปสช มาตรวจให้กับคนไทย และ นำชุดตรวจ ATK ที่ได้รับบริจาคจากพี่น้องประชาชนมาตรวจให้แรงงานต่างด้าว ชุดแรกตรวจก่อนจำนวน 20 คน พบว่าติดเชื้อทั้งหมด จึงได้เรียกที่เหลืออีก 22 คนมาตรวจ ผลปรากฎว่าทั้งหมด 42 คน ติดเชื้อโควิดทุกคน ทีมงานสายไหมต้องรอด จึงได้จ่ายยาลดไข้ ยาฟ้าทะลายโจร ยาน้ำจิบแก้ไอ และยาละลายเสมหะ รวมถึงยาลดไข้เด็ก สำหรับครอบครัวที่มีเด็ก ให้กับทุกคนที่ติดเชื้อไว้รับประทานทันที โดยไม่ต้องรอยาจาก สปสช ซึ่งติดต่อยากและต้องใช้เวลารอยานาน

ด้าน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งกลุ่มอาสา “สายไหมต้องรอด” กล่าวว่า ทุกวันนี้ ทีมสายไหมต้องรอด ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากผู้ติดเชื้อโควิดวันละกว่า 1,000 ราย เกือบ 98% เป็นผู้ป่วยสีเขียว ที่ไม่จำเป็นต้องไปนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล สามารถเข้าระบบ HI รักษาตัวที่บ้านได้เลย แต่ติดปัญหาที่ระบบการลงทะเบียนที่ยุ่งยากและซับซ้อนมากบางรายลงทะเบียนได้แต่กว่าจะมียามาส่งต้องใช้เวลารอถึง 6 วัน ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน ทีมสายไหมต้องรอด จึงต้องนำยาที่ได้รับบริจาคจากพี่น้องประชาชน นำไปส่งมอบให้ผู้ป่วยใช้รับประทานเพื่อรักษาตามอาการไปก่อน แต่ขณะนี้ยาที่ได้รับบริจาคมาก็ใกล้จะหมดเต็มทีแล้วไม่รู้ว่าจะนำไปช่วยเหลือผู้ติดเชื้อได้อีกกี่วัน ส่วน นโยบาย เจอ แจก จบ ของรัฐบาล ก็มองว่ายังไม่ตอบโจทย์ประชาชนเท่าที่ควร เนื่องจาก ประชาชนส่วนใหญ่ตรวจ ATK ที่บ้านตนเองและพบว่าติดเชื้อ หากจะต้องเดินทางไปรับยาที่โรงพยาบาล หรือ คลีนิก ก็ไม่รู้จะไปยังไง เพราะหลายครอบครัวไม่มีรถ จะขึ้นรถเมล์ หรือรถสาธารณะ ก็กลัวจะไปแพร่เชื้อ ให้ผู้อื่นอีก ตนจึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมองจุดนี้ด้วย