ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ กล่าวในช่วงเสวนาของซีอีโอในการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ที่นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐว่า ความสัมพันธ์ที่มีเสถียรภาพของสองประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกไม่เพียงแต่จะส่งผลดีต่อทั้งสองประเทศเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อโลกด้วย
โดย ปธน.ไบเดนแสดงความเห็นดังกล่าวหลังพบปะกับ ปธน.สี จิ้นผิงของจีน และหารือกันอย่างสร้างสรรค์และตรงไปตรงมา ไบเดนเผยเขาได้เน้นย้ำกับจีนว่า “สหรัฐไม่ได้แสวงหาความขัดแย้ง แม้สองประเทศจะมีความแตกต่างกัน แต่ต้องแข่งขันบนความเสมอภาคและเป็นธรรม” พร้อมกันนี้เขาก็พยายามใช้การประชุมในครั้งนี้เพื่อสนับสนุนให้ผู้นำธุรกิจของสหรัฐเพิ่มการลงทุนในเอเชียแปซิฟิก โดยกล่าวว่า การประชุมดังกล่าวจะช่วยนำสันติภาพและเสถียรภาพมาสู่ภูมิภาค
รายงานข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศ ระบุว่า หลังการพบกันของผู้นำทั้งสอง คณะบริหารของนายโจ ไบเดน ได้ตัดสินใจจะถอดสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ของจีนออกจากบัญชีดำของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ซึ่งถูกขึ้นบัญชีดำเมื่อปี 2563 หลังจากหน่วยงานดังกล่าวถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเขตปกครองตนเองซินเจียงของจีน ถือเป็นเครื่องมือของสหรัฐที่ใช้ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรและลงโทษบุคคล บริษัท หรือองค์กรอื่น ๆ ในจีนและสถานที่อื่น ๆ สำหรับการกระทำที่สหรัฐอ้างว่าอาจกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ขณะที่จีนกล่าวว่า นโยบายบัญชีดำและมาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวเป็นความพยายามในการสกัดการพัฒนาและสร้างความเสียหายต่อบริษัทของจีน
ด้าน ปธน.สีจิ้นผิง ได้เข้าร่วมในงานเลี้ยงอาหารค่ำของเหล่าผู้นำทางธุรกิจสหรัฐ อาทิ ทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทแอปเปิ้ล, นายลอเรนซ์ ฟิงค์ ซีอีโอของบริษัทแบล็กร็อก และนายสตีเฟน ชวาร์ซแมน ผู้บริหารของบริษัทแบล็กสโตน ซึ่งเขากล่าวกับผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงว่า “จีนหวังที่จะเป็นทั้งหุ้นส่วนและเพื่อน”