เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 20 พ.ย.66 ศาลจังหวัดเชียงใหม่ นางสาววทันยา อาธิพรม ผู้บริหารลูกช้างคลินิก พร้อมทนายความ นางสาวชุติกาญจน์ บุญกุล เดินทางมายัง ศาลจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อนัดพร้อมและสอบคำให้การในคดีหมายเลขดำที่ อ. 919/2566 ที่ นางสาววทันยา ฟ้องจำเลยรวม 6 คน ในคดีร่วมบุกรุก
ซึ่งก่อนหน้านี้โจทก์และจำเลยทั้ง 6 ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความนอกศาล โดยมีการเยียวยากันเบื้องต้นมาเป็นเงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นที่พอใจโจทก์จึงได้ ยื่นถอนฟ้องในคดีร่วมกันบุกรุก และถอนคำร้องทุกข์ในคดีหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
นางสาวชุติกาญจน์ ทนายความฝ่ายโจทก์ เปิดเผยว่า การฟ้องร้องคดีนี้ แยกเป็น 2 คดี คือ คดีบุกรุก ทางคลินิก ใช้สิทธิ์ในฐานะโจทก์ ยื่นฟ้องคดีโดยตรงต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนคดีหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ทางคลินิกได้ร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ที่ สภ.หางดง ภ.จว.เชียงใหม่ ซึ่งภายหลัง คู่กรณีมีการไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความกันได้ตามข้อตกลง ฝ่ายโจทก์จึงได้ถอนฟ้องคดี บุกรุกที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ และได้ไปถอนคำร้องทุกข์ในคดีหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ที่ สภ.หางดง แล้วเช่นกัน
เจ้าของคลีนิคแจ้งเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ทางจำเลยได้ยอมความ และตนเองในนามเจ้าของ“ลูกช้างคลินิก”ยืนยันว่าไม่ได้กลั่นแกล้งคนไข้ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างไร คลินิกฯ ดำเนินกิจการภายใต้กฎหมายสถานพยาบาลอย่างถูกต้องตามกฎหมายและไม่เคยกลั่นแกล้งคนไข้ สิ่งที่คนไข้ทั้ง 6 คนได้ให้ข่าวไปนั้นเป็นข่าวเท็จทั้งหมด เราจึงมีเหตุผลในการฟ้องคดีหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาซึ่งทำให้คลินิกเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ จึงต้องออกมาแถลงและแก้ไขข่าวตรงนี้ว่าเราทำตามกฎหมายทุกประการและศาลได้ประทับรับฟ้องคดีบุกรุก ไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2566
ในวันนี้ทางจำเลยทั้ง 6 คน ขอประนีประนอมยอมความนอกศาล เราเล็งเห็นว่าเพื่อเป็นการไม่ต่อยอด ความเสียหายและเสียเวลาทั้งสองฝ่ายจึงยินยอมทำตามเงื่อนไข และมาถอนฟ้องจำเลยทั้ง 6 คนทั้ง 2 คดี
จากผลกระทบดังกล่าว ทางคลินิกฯได้รับความเสียหายในด้านภาพลักษณ์ของคลินิก แม้ไม่ใช่ความจริง เจ้าของคลินิกจึงแก้ปัญหาโดยการออกแบบสื่อสารแบรนด์องค์กรใหม่ ด้วยยังเชื่อมั่นในประโยชน์ของการแพทย์แผนไทยที่มีต่อผู้บริโภค ยกระดับการให้บริการให้ได้มาตรฐานการบริการในแบบสากลโดยคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของคนไข้ของคลินิกเป็นที่ตั้ง
