กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.ณัฐพงษ์ ปิยะบุตร รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.กปภ.รรท.ผกก.2 บก.ทล.,พ.ต.ท.วิศิษฏ์ มินเสน รอง ผกก.2 บก.ทล.,พ.ต.ท.นโรตม์ ยุวบูรณ์ รอง ผกก.6 บก.ปปป.รรท. รอง ผกก.2, พ.ต.ท.อิทธิศักดิ์ ค้ำคูณ สว.ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล..
โดยสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึด นำโดย ร.ต.อ.อำนาจ สีนวล , ร.ต.อ.พงษ์เชษฐ์ นุ่มมาก รอง สว.ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล.ร.ต.ต.ชริทร์ อ้นมั่น ,ด.ต.พีรธรรม หนูนุรัตน์ ,ด.ต.สายชล เชื้อทอง , ส.ต.อ. ภาคิณ คูณสิทธิกุล , ส.ต.อ.ธเนศพล ภมร ผบ.หมู่ ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล.
พร้อมตรวจยึดของกลาง ดังนี้
- อาวุธปืนยาว AK 47 ขนาดลำกล้อง 7.62 มม. ไม่พบหมายเลขประจำปืน จำนวน 1 กระบอก พบของกลางซุกซ่อนอยู่ในถุงสีดำวางอยู่เบาะนั่งด้านหลัง ภายในห้องโดยสารของรถยนต์คันที่ถูกตรวจยึด
- อาวุธปืนยาว AK 47 ขนาดลำกล้อง 7.62 มม. ไม่พบหมายเลขประจำปืน จำนวน 1 กระบอก พบของกลางซุกซ่อนอยู่ในถุงกระสอบปุ๋ยสีน้ำตาลวางอยู่เบาะนั่งด้านหลัง ภายในห้องโดยสารของรถยนต์คันที่ถูกตรวจยึด
- ซองบรรจุกระสุนปืน จำนวน 3 ซอง พบของกลางซุกซ่อนอยู่ในถุงกระสอบปุ๋ยสีน้ำตาลวางอยู่เบาะนั่งด้านหลัง ภายในห้องโดยสารของรถยนต์คันที่ถูกตรวจยึด
- ลูกกระสุนปืนขนาด 5.56 มม. จำนวน 22 นัด พบของกลางซุกซ่อนอยู่ในถุงกระสอบปุ๋ยสีน้ำตาลวางอยู่เบาะนั่งด้านหลัง ภายในห้องโดยสารของรถยนต์คันที่ถูกตรวจยึด
- รถยนต์บรรทุกส่วนบุคล ยี่ห้อ ฟอร์ด เรนเจอร์สีดำ 1 คัน พร้อมกุญแจ 1 ดอก
- แผ่นป้ายทะเบียนหมายเลข ทะเบียนปลอม จำนวน 2 แผ่น
- แผ่นป้ายแสดงการเสียภาษี (แผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีปลอม)
- เอกสารสำเนาทะเบียนรถ พบอยู่บริเวณช่องเก็บเอกสาร ด้านหน้าทางซ้ายของรถคันที่ถูกตรวจยึด
- บัตรประชาชน และ ใบอนุญาตขับรถ พบอยู่ในบริเวณกระเป๋าเงิน ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสะพายข้างสีน้ำตาล วางอยู่บริเวณเบาะรถด้านหน้า ฝั่งผู้ขับขี่ คันที่ถูกตรวจยึด
สถานที่ตรวจยึด
ทางหลวงหมายเลข 323 กิโลเมตรที่ 114 (ขาออก จ.กาญจนบุรี) หมู่ 5 ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ต่อเนื่อง ถนนจุดตัดทางรถไฟ ซอยวัดวังใหญ่ ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
พฤติการณ์ในการตรวจยึด
ก่อนการตรวจยึดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจยึดได้ทำการสืบสวนหาข่าวทราบว่า จะมีการนำรถยนต์กระทำความผิด สัญจรตามเส้นทางในพื้นที่ ทางหลวงหมายเลข 323 จ.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจยึด ได้ทำการออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ เมื่อมาถึงบริเวณ ทล.323 กม.114 (ขาออก จ.กาญจนบุรี) หมู่ 5 ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พบรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อ ฟอร์ด สีดำ ซึ่งขับขี่ด้วยความเร็ว เมื่อพบเห็นรถวิทยุเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ได้มีลักษณะหลบเลี่ยงการเรียกตรวจของเจ้าหน้าที่ โดยการเพิ่มความเร็ว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจยึด ได้ตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถคันดังกล่าว ผ่านระบบ Crimes Online ปรากฏว่า ไม่พบข้อมูลของหมายเลขทะเบียนนี้ในระบบกรมการขนส่งทางบก เจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึดจึงได้ขับขี่ติดตามรถยนต์คันดังกล่าวในระยะประชิด และได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยให้สัญญาณเจ้าพนักงานจราจรด้วยการเปิดสัญญาณไฟและใช้สัญญาณเสียงรวมถึงการพูดออกคำสั่งผ่านไมโครโฟน เพื่อให้รถคันดังกล่าวหยุด และจะได้ทำการตรวจค้น เมื่อรถคันดังกล่าวพบเห็นรถยนต์ตรวจการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจขับติดตามมา รถยนต์คันดังกล่าวได้เร่งความเร็วหลบหนีเจ้าหน้าที่ และเลี้ยวซ้าย บริเวณ ทล.323 กม.ที่ 114+500 เข้าไปในซอยวัดวังใหญ่ ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี โดยมีเจ้าหน้าชุดตรวจยึดติดตามมาอย่างกระชั้นชิด จึงสามารถหยุดรถคันดังกล่าวได้ บริเวณทางรถไฟตัดผ่านถนน ในซอยวัดวังใหญ่ รวมระยะทาง 2 กม. เมื่อรถยนต์คันกล่าวหยุดผู้ขับขี่ จึงได้อาศัยช่วงชุลมุน วิ่งหลบหนีเข้าไปยังป่าข้างทางโดยมีเจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึดได้วิ่งติดตามไป แต่ไม่พบตัว จากนั้นทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ คันดังกล่าว พบ อาวุธปืนยาว AK 47 ขนาดลำกล้อง 7.62 มม. ไม่พบหมายเลขประจำปืน จำนวน 1 กระบอก พบของกลางซุกซ่อนอยู่ในถุงสีดำวางอยู่เบาะนั่งด้านหลัง ภายในห้องโดยสารของรถยนต์คันที่ถูกตรวจยึด (ของกลางลำดับที่ 1) ,อาวุธปืนยาว AK 47 ขนาดลำกล้อง 7.62 มม.ไม่พบหมายเลขประจำปืน จำนวน 1 กระบอก พบของกลางซุกซ่อนอยู่ในถุงกระสอบปุ๋ยสีน้ำตาลวางอยู่เบาะนั่งด้านหลังภายในห้องโดยสารของรถยนต์คันที่ถูกตรวจยึด (ของกลางลำดับที่ 2) , ซองบรรจุกระสุนปืน จำนวน 3 ซอง พบของกลางซุกซ่อนอยู่ในถุงกระสอบปุ๋ยสีน้ำตาลวางอยู่เบาะนั่งด้านหลัง ภายในห้องโดยสารของรถยนต์ คันที่ถูกตรวจยึด(ของกลางลำดับที่ 3) ,ลูกกระสุนปืนขนาด 5.56 มม. จำนวน 22 นัด พบของกลางซุกซ่อน อยู่ในถุงกระสอบปุ๋ยสีน้ำตาลวางอยู่เบาะนั่งด้านหลัง ภายในห้องโดยสารของรถยนต์คันที่ถูกตรวจยึด (ของกลางลำดับที่ 4) ซึ่งคาดว่าของกลางดังกล่าว เป็นอาวุธสงครามซึ่งนายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ตรวจสอบภายในห้องโดยสารของรถยนต์คันดังกล่าว โดยละเอียด พบแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษี ระบุ วันสิ้นอายุ 9 ก.ค. 2565 (แผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีปลอม) (ของกลางลำดับที่ 7) , เอกสารสำเนาทะเบียนรถ (ของกลางลำดับที่ 8) พบอยู่บริเวณช่องเก็บเอกสาร ด้านหน้าทางซ้ายของรถคันที่ถูกตรวจยึด ตรวจสอบ พบ บัตรประชาชน และ ใบอนุญาตขับรถ ปรากฏชื่อ นาย ณรงค์ชัยฯ พบอยู่ในบริเวณกระเป๋าเงิน ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสะพายข้างสีน้ำตาล วางอยู่บริเวณ เบาะรถคันที่ถูกตรวจยึด (ของกลางลำดับที่ 9) ซึ่งตรงกันกับผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าว ที่ได้วิ่งหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึดที่ได้ติดตามไปจดจำใบหน้าได้ว่าเป็น นาย ณรงค์ชัยฯ ซึ่งเคยถูกเจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึด จับกุมเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 ในข้อกล่าวหา “ซ้อนเร้น ช่วยเหลือหรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักโดยฝ่าฝืนกฎหมาย พ้นการจับกุม” จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ตรวจสอบแผ่นป้ายทะเบียน 2 ฒร 868 กรุงเทพมหานคร(ของกลางลำดับที่ 6) ติดมากับรถยนต์คันดังกล่าว มีลักษณะแผ่นป้ายทะเบียน มีการใช้วัสดุโลหะที่ไม่ได้มาตรฐาน, ไม่มีลักษณะลายน้ำใต้อักษร,ด้านหลังไม่มีตัวอักษรปั๊มว่า (ขส.) หลังตัวอักษรตัวแรก จากนั้น ได้ทำการตรวจสอบประวัติและหมายจับ พบว่านาย ณรงค์ชัยฯ มีหมายจับของศาลจังหวัดนครสวรรค์ที่ 62/2565 ลงวันที่ 29 มี.ค. 65 ต้องหาว่า “พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ” และเคยมีประวัติการถูกจับกุมตัวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงชุดตรวจยึด และ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองกาญจนบุรี ในข้อกล่าวหา “ซ้อนเร้น ช่วยเหลือ หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักโดยฝ่าฝืนกฎหมาย พ้นการจับกุม” เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 ที่บริเวณ ทล.3457 ทับศิลา-โป่งปัด ม.1 ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
ซึ่งการกระทำดังกล่าวในครั้งนี้มีความผิดฐาน 1. มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ซึ่ง นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย (อาวุธสงคราม) 2. พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต 3. ปลอมแปลงเอกสารราชการ และใช้เอกสารราชการปลอม 4. เป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดนครสวรรค์ที่ 62/2565 ลงวันที่ 29 มี.ค. 65 ต้องหาว่า “พ.ร.บ. ยาเสพติดใหโทษ” เจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึดจึงได้นำของกลางดังกล่าว นำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค เพื่อติดตามผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป