การเสียชีวิตอย่างปริศนาของ “น้องแตงโม” ผู้คนช่วยกัน “สืบ” มากมาย เพราะไม่เชื่อถือ “การสอบสวนและงานวิทยาศาสตร์ตำรวจ”
เหตุการณ์เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาของ น้องแตงโม หรือ นิดา (ภัทรธิดา) ดาราสาวอันเป็นที่รักของประชาชน ยังคงเป็นเรื่องที่ผู้คนให้ความสนใจอย่างมากว่า
แท้จริงเธอตกจากเรือเร็วไปจนกระทั่งจมน้ำตายในแม่น้ำเจ้าพระยา ด้วยเหตุใด?
ความสงสัยอยากรู้ของผู้คนที่เกิดขึ้นมากมายเช่นนี้ ก็เนื่องจากเธอมีภาพลักษณ์ของ ความกตัญญู และสู้ชีวิตอย่างทรหดโดดเดี่ยวร่วมกับผู้เป็นบิดา มาอย่างยาวนานหลายสิบปี เป็นที่รู้กันทั้งในวงการดาราและประชาชนทั่วไป และหลังจากที่บิดาได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งร้ายในวัย 71 เมื่อปลายปี 2563 ทำให้เธอ เคว้งคว้างทางใจ ไร้ที่ยึดเหนี่ยว ต้องใช้ชีวิตอย่างเดียวดายอยู่ระยะหนึ่ง
โดยมีที่พึ่งทางจิตในส่วนลึก ก็คือ เบิร์ด ชายหนุ่มมาดเซอร์ธรรมดาแบบบ้านๆ นอกวงการ ที่ชื่นชมและห่วงใยเธออย่างเสมอต้นเสมอปลายด้วยความบริสุทธิ์ใจเงียบๆ มานานนับสิบปี จนทำให้ชีวิตของเธอค่อยๆ ดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เหมือน หลุดจากหลุมดำ และ ถูกลอตเตอรี่ ตามที่เธอได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้ในรายการโทรทัศน์ และนั่นเป็นเหตุผลของการตัดสินใจ ใช้ชีวิตร่วมกับ “เบิร์ด” อย่างเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความสุขและความหวัง
เธอทำแม้กระทั่งไปยืนขายของตามตลาดนัดพร้อมกันด้วยรอยยิ้มอันสดใส แต่อยู่ๆ ความตาย ก็ได้มาพรากเธอไปอย่างสุดสลดใจ โดยไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นได้ เป็นการ ปลิดชีวิตของคนคนหนึ่งไปจากคนที่รักและภักดีต่อเธอ รวมทั้งวงการดาราและประชาชนผู้ชื่นชมสนใจและติดตามเอาใจช่วยตลอดมา
ในอีกด้านหนึ่ง หลังความตายของเธออย่างไม่คาดฝันนั้น ก็ได้เห็น น้ำใจของพี่ใหญ่และเพื่อนๆ ในวงการนักแสดงจำนวนมากที่แสดงออกถึง ความรักและความห่วงใย ที่มีต่อน้องสาวคนนี้ อย่างสุดหัวใจ
โดยเฉพาะ พี่เอ-ศุภชัย, อั้ม-พัชราภา, โม-อมีนา, โบ-ทีเค, เชียร์-ฑิฆัมพร และอีกมากมาย
แต่ปริศนาแห่งความตาย จนกระทั่งป่านนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าเธอได้ตกจากเรือไปด้วยอุบัติเหตุหรือมีใครกระทำด้วยเจตนาหรือประมาท ด้วยพฤติการณ์อย่างไร กันแน่?
เพราะการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานของ หัวหน้าพนักงานสอบสวนท้องที่ คือ ผกก.สภ.นนทบุรี เพียงฝ่ายเดียว โดยไร้การรู้เห็นโดยหน่วยอื่น ไม่ว่าจะเป็น นายอำเภอ หรือแม้กระทั่ง พนักงานอัยการผู้มีหน้าที่ฟ้องคดี
ถึงวันนี้ก็อยู่ในอาการละล้าละลัง ยังไม่สามารถสรุปและชี้แจงอะไรให้ประชาชนทราบและเข้าใจและเชื่อถือยอมรับได้ ซ้ำในระยะแรก ก็แทบไม่ได้มีการชี้แจงพยานหลักฐานใดๆ ให้ประชาชนทราบแต่อย่างใด
เอะอะอะไร ตำรวจผู้ใหญ่ก็บอกว่า เป็นความลับในสำนวน ไม่สามารถพูดได้?
เพราะมี ระเบียบตำรวจแต่โบราณ ที่ “ขัดต่อ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร” กำหนดไว้ รวมทั้งจะเกิดความเสียหายต่อ รูปคดี?
ซึ่งไม่มีใครทราบว่า “รูปคดี” ที่ว่านั้น หน้าตามันเป็นอย่างไร?
ส่งผลทำให้ผู้คนต้อง นั่งทางใน และใช้วิธีสันนิษฐาน รวมทั้งมโนกันไปต่างๆ นานามากมาย ไม่ว่าจะเป็น อดีตรอง ผกก.ตำรวจ ส.ส. ทนายความ ไปจนกระทั่งอดีตผู้พิพากษา ที่อาสาจะว่าความและสืบจับคนร้ายให้
เพราะต่างเชื่อว่า ความตายของเธอนั้นเกิดจาก การฆาตกรรม!
นั่นหมายถึงว่า บุคคลเหล่านี้ต่างไม่เชื่อมั่นการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานของตำรวจในทุกระดับ! แม้กระทั่งการเก็บและตรวจพิสูจน์วัตถุพยานของ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ รวมทั้ง งานนิติเวช ผ่าชันสูตรศพหา เหตุแห่งการตาย
ความไม่เชื่อมั่นทั้งปวงเกิดขึ้น เพราะหลายคดีได้มีตัวอย่างให้เห็นว่าเป็นไปอย่างมีข้อสงสัยมากมาย ไม่ว่า การตรวจศพ ด.ญ.ชมพู่ที่ หัวหน้าแพทย์นิติเวช รพ.สรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี รายงานว่า ไม่พบร่องรอยหรือบาดแผลจากการถูกทำร้ายอะไร
แต่กลับมีการ สั่งการจากตำรวจผู้ใหญ่ ให้นำศพมา ตรวจใหม่ที่สถาบันนิติเวชตำรวจ และออกรายงานว่า พบบาดแผลบริเวณอวัยวะเพศ! เป็นเหตุให้ทุกคนเกิดความเข้าใจนับแต่นั้นเป็นต้นมาว่า ด.ญ.ชมพู่ถูกล่วงละเมิด
เหตุการณ์ในลักษณะที่คล้ายกันนี้ ได้ก่อให้เกิดความสงสัยในหมู่ดารารุ่นพี่และเพื่อนรวมทั้งประชาชนอีกครั้ง เมื่อปรากฏว่า มี คำสั่งลึกลับ ให้ คุณเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ นำศพน้องแตงโมที่กำลังอยู่ระหว่างเดินทางไป รพ.ธรรมศาสตร์ รังสิต เพื่อให้แพทย์นิติเวชตรวจตามระบบปกติ ให้วกกลับไปส่งที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ตรวจพิสูจน์แทน
ซ้ำมีตำรวจคนหนึ่งออกมาอธิบายว่า เป็น เพราะที่ รพ.ธรรมศาสตร์ ไม่มีแพทย์นิติเวชที่จะตรวจตามกฎหมายได้ ซึ่งตรงข้ามกับความจริงอย่างสิ้นเชิง!
ฉะนั้น ผลการตรวจชันสูตรศพของสถาบันนิติเวชวิทยาตำรวจที่รายงานออกมาโดยไม่ปรากฏว่ามีบาดแผลในบางตำแหน่งโดยเฉพาะที่ ศีรษะและฟันหัก ตามที่ คุณเอกพันธ์ ได้เห็นกับตา หลังพบศพและเปิดออกดูอยู่ชั่วครู่นำมาพูดทางโทรทัศน์อย่างชัดเจน เป็นที่มาของเสียงเรียกร้องทั้งจาก คุณแม๊ และเพื่อนดารา ขอให้นำศพไปให้ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ตรวจอีกครั้ง!
เป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนว่า นอกจากประชาชนจะไม่มีความเชื่อถือต่อระบบงานสอบสวนของตำรวจที่ กระทำกันตามลำพังเพียงฝ่ายเดียว แล้ว ยังไม่เชื่อมั่นและไม่ไว้ใจไปถึง งานทางวิทยาศาสตร์ ทั้งการตรวจพิสูจน์หลักฐานและงานนิติเวช ตรวจชันสูตรศพอีกด้วย!.