เตรียมแจ้งข้อหา “เมาแล้วขับ” ลูกชายอดีต รอง ผบ.ตร. ซิ่งปอร์เช่ชนต่างชาติเสียชีวิต หลังผลแอลกอฮอล์เกินกฎหมายกำหนด
กรณีลูกชาย พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา อดีตรอง ผบ.ตร. ขับรถปอร์เช่ ไทคานน์ เทอร์โบ เอส สีบรอนซ์เทา ทะเบียน 8 กว 4545 กรุงเทพมหานคร ชนท้ายรถจยย.ยามาฮ่า ฟีโน่ สีแดงดำ ทะเบียน ฬษฬ 100 กรุงเทพมหานคร บริเวณเชิงสะพานตากสิน มุ่งหน้ากรุงธนบุรี เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. ของวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย คือคนขับรถยนต์เอง และคนขี่รถ จยย.ได้รับบาดเจ็บสาหัส ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 65 ร.ต.อ.ทำนอง มณฑา รองสว.(สอบสวน) สน.สำเหร่ ว่า หลังเข้ารับการรักษา นายพรเมตต์ ทรงเมตตา ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนแล้ว โดยยอมรับว่าเป็นฝ่ายประมาท เปลี่ยนเลนกระทันหันจนเกิดเหตุดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอหลังฐานผลการตรวจร่างกายและตรวจหาแอลกอฮอล์จากแพทย์ แต่ขณะที่นายพรเมตต์ เข้าพบไม่มีอาการมึนเมา หรือมีกลิ่นแอลกอฮอล์แต่อย่างใด ทั้งนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อหาใคร เนื่องจากต้องรอผลการรักษาของผู้บาดเจ็บก่อน
ต่อมาเมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2565 พล.ต.ต.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผบก.น.8 เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับ นายพรเมตต์ ทรงเมตตา ลูกชายของ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา อดีต รอง ผบ.ตร. ขับปอร์เช่ชนชาวปากีสถานเสียชีวิต ว่า ล่าสุดผลตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์และสารเสพติดในร่างกายของนายพรเมตต์ ออกแล้ว โดยพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนผลการตรวจหาสารเสพติดนั้น ไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด
พล.ต.ต.มานพ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ พนักงานสอบสวนเตรียมประสานนายพรเมตต์ แจ้งข้อกล่าวหาเบื้องต้น ข้อหา “ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” และข้อหา “ขับรถในขณะเมาสุรา” ตลอดจนต้องสอบสวนว่าไปดื่มกับใครที่ไหน แต่ขณะนี้ผู้ต้องหายังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล จึงต้องรอการรักษาแล้วเสร็จก่อน ส่วนข้อหาเกี่ยวกับการขับรถเร็ว ตำรวจยังอยู่ระหว่างตรวจสอบอีกครั้ง ทั้งนี้ยืนยันว่า ตำรวจจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ส่วนเรื่องการเยียวยานั้น ก็ขึ้นอยู่กับทั้งสองฝ่ายตกลงกัน