วันอังคาร, พฤษภาคม 21, 2024
หน้าแรกอาชญากรรมรับน้องโหดถึงตาย

Related Posts

รับน้องโหดถึงตาย

เพจแอนตี้ โซตัส แฉนักศึกษา มทร.อีสาน (โคราช) รับน้องปี 1 พาเข้าป่าเข้าทุ่งรุมสกรัมเสียชีวิต 1 ราย พ่อรุดไปดูจุดเกิดเหตุห่างจากโรงพยาบาล 20 กม. หมอเผยสิ้นลมหายใจก่อนถึงมือแพทย์แล้ว ด้านมหาวิทยาลัยชี้รุ่นพี่พาไปรับน้องนอกมหาวิทยาลัยเอง สอบ 5 รุ่นพี่ที่เกี่ยวข้อง ตอนแรกอ้างผู้ตายช็อกจากการเล่นบอล สุดท้ายจนแต้มสารภาพรับน้องโหด

เพจ Korat Next Step โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ.2565 ระบุว่า “ฉาว! #รับน้องโหด น.ศ.ม.ดังโคราช เสียชีวิต เหตุรุ่นพี่พาไปรับน้อง”

โดยเพจเฟสบุ๊ก ANTIU SOTUS ได้โพสต์แจ้งว่า ‘น้องเปรม’ นักศึกษา (ปวส.) วิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชีพ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน(โคราช) ได้เสียชีวิตจากการถูกรุ่นพี่รับน้องเมื่อคืนวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา

เบื้องต้นทางมหาวิทยาลัยแจ้งว่า มีนักศึกษาเสียชีวิตจริง พบว่าเป็นการแอบไปจัดรับน้องกันเองนอกมหาวิทยาลัย ตอนนี้ร่างน้องยังอยู่ที่ ร.พ.ค่ายสุรนารี และตำรวจได้เข้ามาทำการสืบสวนคดีนี้แล้ว

โดยการรับน้องนอกสถานที่ น่าจะมีการพากันไปรับน้องในป่าและมีการทำร้ายร่างกาย จนเสียชีวิต

โดยคุณพ่อของน้องเปรม แจ้งว่า เป็นการไปรับน้องนอกมหาวิทยาลัย มีการเข้าไปในป่าในทุ่งนาหลายสิบคน รุ่นน้องที่ไปโดนกันทุกคน แต่น้องเปรมโดนหนักที่สุด คุณพ่อเดินทางมาจากนครศรีธรรมราช กำลังลงไปยังพื้นที่เกิดเหตุ และได้เรียกรุ่นพี่ที่ทำให้น้องเสียชีวิตมาคุยแล้ว คือรุ่นพี่ 5 คน ได้รุมทำร้ายน้องจนเสียชีวิต แล้วนำส่งโรงพยาบาล ระยะทางห่างประมาณเกือบ 20  กม. เมื่อถึงโรงพยาบาล พบว่าน้องเสียชีวิตก่อนถึง

คุณพ่อขอคุณหมอว่าให้ยื้อชีวิตจนถึงที่สุด แต่คุณหมอบอกว่าจะทำให้น้องทรมานมากเกินไป โดยตอนแรกรุ่นพี่โกหกว่า ไปเล่นบอลแล้วน้องเกิดช็อกขึ้นมา แต่ภายหลังรับสารภาพว่ามาจากการรับน้อง ตอนนี้ร่างน้องยังอยู่ที่ ร.พ.ค่ายสุรนารี ส่วนสาเหตุการตายที่แพทย์วินิจฉัยคุณพ่อยังไม่ได้แจ้ง ซึ่งคุณพ่อยังทำใจไม่ได้มากๆ และยังไม่สามารถให้รายละเอียดมากกว่านี้ได้

เพจ ANTI SOTUS ได้โพสต์คลิป วันเดียวกัน (14 มี.ค.) เป็นคลิปการทำพิธีพาน้องเปรมกลับบ้าน เป็นภาพที่ญาติของ น้องเปรม ประกอบด้วย แม่และภรรยาที่ยังตั้งครรภ์ ของน้องเปรม พร้อมเพื่อนนักศึกษาปี 1 และรุ่นพี่จำนวนหนึ่ง นำอาหารและน้ำดื่ม พร้อมจุดธูป ทำพิธีเชิญวิญญาณน้องเปรมกลับบ้าน ที่เกิดเหตุบริเวณกลางทุ่งดินแตกระแหง  โดยญาติของน้องเปรมพูดว่า “จะได้กินไหม ทำไมให้ถอดเสื้อผ้า แล้วรู้ไหมว่าน้องหนาวขนาดไหน ดูสิกว่าจะออกไปได้ มันจะหาทางกลับบ้านถูกไหม”

โดยคนหนึ่งกล่าวว่า “กลับบ้านกับแม่เถอะลูกเด้อ แม่พาน้องกลับบ้าน แม่มารับแล้วกลับบ้านนะลูก” ส่วนหญิงสาวคนหนึ่งก้มหน้าร้องไห้อย่างน่าเวทนา ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นแฟนน้องเปรม โดยญาติพูดว่าน้องเปรมอุตส่าห์ดีใจที่จะได้ลูก แต่ก็ไม่มีโอกาสได้เห็นหน้า “นี่นะ น้องเขาอยู่ในท้อง เขาไม่ได้เห็นหน้าลูกเขา น้องก็ไม่ได้เห็นหน้าพ่อ ดูซิ ลูกเขาต้องกำพร้าตั้งแต่อยู่ในท้อง มันสาหัสขนาดไหน ไม่ได้เป็นพ่อแม่คนไม่รู้หรอก ลองกลับไปถามพ่อแม่ที่อยู่บ้านนะว่ามันสาหัสขนาดไหน”

ส่วนหญิงที่เป็นแม่ น้องเปรม พร่ำว่า “มันอุตส่าห์ดีใจ ได้หาเลี้ยงลูกมันเมียมันหางานทำ” ส่วนญาติอีกคนหนึ่งพูดด้วยความคับแค้นใจว่า  “มันไม่ได้เรียนเฉยๆ นะ ตอนค่ำก็ต้องไปรับจ้างทำงาน มันไม่ใช่เด็กที่เกเร เพราะต้องหาเงินไว้เลี้ยงลูกเลี้ยงเต้ามัน แล้วมาเป็นอย่างนี้ ดูนะลูกมันไม่ได้เห็นพ่อ มันก็ไม่ได้เห็นหน้าลูกมัน มันแสนสาหัสขนาดไหน ทีหลังอย่าไปทำกับน้องรุ่นอื่นอีก มันล้าสมัยแล้วการรับน้องแบบนี้ ข่าวก็มีออกให้เห็นทุกวันๆ โลกโซเชียลก็เร็วมาก เห็นกันอยู่ พ่อแม่หาเงินมาให้เรียน เหมือนพ่อแม่เขา พี่เขาต้องไปหายืมมาให้ลูกเขาเรียนสูงๆ ไม่อยากให้ลำบาก มาเป็นอย่างนี้ เขาเรียนสูงจะได้หาเงินมาเลี้ยงพ่อแม่เขา สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเลย มันสาหัสขนาดไหน”

ส่วนความคืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 15 มีนาคม 2565 ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์พูดคุยกับพ่อของนายพัดยศ ชนภักดี หรือน้องเปรม อายุ 19 ปี ซึ่งคุณพ่อของน้องได้เปิดเผยว่า หลังทราบข่าวการเสียชีวิตของน้องเปรม คุณพ่อก็ได้เดินทางกลับมาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อมาดูศพน้องที่ รพ.ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา
 
โดยเมื่อเดินทางมาถึง คุณพ่อก็ได้เจอกับกลุ่มรุ่นพี่ที่ทำร้ายน้องเปรมจนเสียชีวิตแล้ว โดยล่าสุดทราบว่ามีด้วยกันทั้งหมด 6 คน เป็นผู้ชายทั้งหมด โดยรุ่นพี่ทั้ง 6 คนก็ได้กราบเท้า และกล่าวขอโทษกับคุณพ่อ ซึ่งคุณพ่อก็ถามไปว่า ทำไมต้องทำกันรุนแรงอย่างนี้ และคุณพ่อก็ได้กล่าวต่อว่าพูดไปหลายอย่าง โดยที่รุ่นพี่ทุกคนก็ยอมรับผิด
 
โดยช่วงสายวันนี้ (15 มีนาคม 2565) คุณพ่อก็จะเดินทางไปรับศพน้องที่ รพ.ค่ายสุรนารี อ.เมืองนครราชสีมา เพื่อนำศพส่งไปตรวจพิสูจน์ที่กรุงเทพฯ และหลังเกิดเหตุทางผู้บริหารมหาวิทยาลัยก็ได้ติดต่อมาเบื้องต้นแล้วว่า และอธิบายว่า การรับน้องดังกล่าวอยู่นอกมหาวิทยาลัย นอกเหนือการควบคุม แต่จะขอร่วมแสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยจะเยียวยาช่วยเหลืออย่างเต็มที่
 
ส่วนคดีความก็จะปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งก็ต้องรอพูดคุยกันอีกครั้งว่าจะรับผิดชอบอย่างไร อย่างไรก็ตามตนยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับรุ่นพี่และผู้เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts