กองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รอง ผบช.ก., พล.ต.ต. อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.ธรากร เลิศพรเจริญ รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ. เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ., พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว ผกก.5 บก.ป., พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป., พ.ต.ท.สุพจน์ พุ่มแหยม รอง ผกก.๔ บก.ปคบ., พ.ต.ท.นิธิ ตรี สุวรรณ รอง ผกก.๔ บก.ปคบ.
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โดย นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา นายแพทย์ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกันแถลงผลงานจับกุมเครือข่ายผู้ต้องหา “ร่วมกันขายเอกสารใบรับรองผลตรวจ โควิดปลอม” จํานวน 3 ราย
มีพฤติการณ์กล่าวคือ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) นั้น กองกับการการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้รับเรื่องร้องเรียนจาก กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ว่า มีผู้ลักลอบหาผลประโยชน์โดยการปลอมแปลงเอกสารผล ตรวจโควิด แล้วนํามาจําหน่ายให้แก่บุคคลทั่วไป เพื่อใช้ในการสมัครงานต่างๆ หรือการเดินทางไปต่างประเทศ เป็นต้น โดยที่ผู้รับการตรวจไม่ต้องเดินทางไปตรวจแต่อย่างใด กองกํากับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับ การคุ้มครองผู้บริโภค จึงได้ทําการสืบสวนพบว่า เว็บไซต์ https://covid-lab.airsite.co/?gclid=Cj0KCQiAl MCOBhCZARI sANLid6b1snwTO1QM1l18OfOjs_7NaPDPbFhZXsedto-TpT8QNcnqkfk4GpkaApc1EALw_wcB มีการโฆษณาขาย ใบรับรองผลการตรวจโควิด ในราคา 890 บาท รับผลภายใน 15 นาที โดยที่ผู้ตรวจไม่ต้องเดินทางไปตรวจแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ ตํารวจจึงได้ทําการติดต่อล่อซื้อ โดยติดต่อผ่าน “PCR TEST 890 -” เพียงแค่แจ้งชื่อนามสกุล วัน
ใบรับรองผลการตรวจโควิดให้ ผ่านบัญชีผู้ใช้ไลน์ ดังกล่าว พบว่า ใบรับรองผลการตรวจโควิดดังกล่าว เป็นของ บริษัท พีซีที ลาบอราตอรี่ เซอร์วิส จํากัด (PCT LABORATORY SERVICE CO,.LTD.) ซึ่งจากการตรวจสอบกับบริษัทดังกล่าวพบว่า เป็นใบรับรองผลการตรวจ โควิด
ปลอมที่บริษัทมิได้เป็นผู้ออกให้แต่อย่างใด เป็นเหตุให้บริษัทได้รับความเสียหาย บริษัทจึงได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อ พนักงานสอบสวนเพิ่มเติม
จากการสืบสวนพบว่า ในคดีนี้มีเครือข่ายผู้ร่วมกระทําความผิดหลายคน โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทํา เช่น ออกแบบเขียนเว็บไซต์, ยิงแอดโฆษณา, แอดมินพูดคุยกับลูกค้า, จัดหาบัญชีธนาคารของผู้อ่ืน (บัญชีม้า), ยักย้ายถ่ายเท เงินท่ีได้จากการกระทําความผิด และปลอมแปลงใบรับรองผลการตรวจโควิด เป็นต้น กองกํากับการ 4 กองบังคับการ
เดือนปีเกิด และวันที่ที่ต้องการให้ระบุในผลตรวจ จากนั้นผู้ต้องหาจะส่ง
แอพพลิเคชั่นไลน์ชื่อ
ปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค จึงได้ทําการสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อ ขอหมายจับผู้ต้องหา ดังนี้
- น.ส. พลอย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 406/2565 ลงวันที่ 3 มีนาคม 2565 ข้อกล่าวหา “ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม, ร่วมกันใช้คําหรือข้อความที่แสดงให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเองเป็นผู้ มีความรู้ความชํานาญในการประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์สาขาต่างๆ, ร่วมกันให้บริการ หรือเสนอให้บริการที่ใช้ เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรอง หรือร่วมปลอมเครื่องหมายของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร”
- นายวีรพล หรือมะตูม (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 407/2565 ลงวันที่ 3 มีนาคม 2565 ข้อกล่าวหา “ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม, ร่วมกันใช้คําหรือข้อความที่แสดงให้ผู้อื่นเข้าใจ ว่าตนเองเป็นผู้มีความรู้ความชํานาญในการประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์สาขาต่างๆ, ร่วมกันให้บริก ารหรือเสนอ ให้บริการที่ใช้เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรอง หรือร่วมปลอมเครื่องหมายของบุคคลอื่นที่ได้ จดทะเบียนแล้วใน ราชอาณาจักร”
- นายมูนีร หรือนิด (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 408/2565 ลงวันที่ 3 มีนาคม 2565 ข้อกล่าวหา “ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม, ร่วมกันใช้คําหรือข้อความที่แสดงให้ผู้อื่นเข้าใจว่า ตนเองเป็นผู้มีความรู้ความชํานาญในการประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์สาขาต่างๆ, ร่วมกันให้บริการหรือ เสนอ ให้บริการที่ใช้เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรอง หรือร่วมปลอมเครื่องหมายของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วใน ราชอาณาจักร”
ต่อมาเมื่อวันที่ 3-4 มีนาคม 2565 เจ้าหน้าที่ตํารวจ กองกํากับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิด เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้ร่วมกับ กองบังคับการปราบราม ลงพื้นที่ติดตามจับกุมผู้ต้องหาข้างต้น โดยจับกุม น.ส.พลอย ได้ที่อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กทม. และจับกุม นายวีรพล ได้ที่ อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ถนนวิชิตสงคราม ตําบลกะทู้ อําเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ส่วน นายมูนีร ไหวตัวทัน ได้หลบหนี การจับกุม เจ้าหน้าที่ตํารวจจึงได้กดดันอย่างต่อเนื่อง จนนายมูนีร ยอมเข้ามอบตัวที่ กองกํากับการ 4 กองบังคับการ ปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค
จากการสอบถาม น.ส.พลอย ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ส่วน นายวีรพล และ นายมูนีร ให้การรับสารภาพ ตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การเพิ่มเติมว่า เมื่อประมาณกลางปี 2564 นายมูนีร ต้องการจะเดินทางไปประเทศตุรกี ซึ่งต้อง ใช้ใบรับรองผลการตรวจโควิด นายมูนีร จึงได้ติดต่อ นายปังปอนด์ (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง) ซึ่งรู้จักกัน ทางทวิต เตอร์ ให้ปลอมแปลงเอกสารใบรับรองผลการตรวจโควิดให้ จากนั้น นายมูนีร ได้นําเอกสารดังกล่าวไปใช้ ในการเดินทาง ไปประเทศตุรกี เมื่อกลับมา นายมูนีร จึงพูดคุยตกลงกับนายปังปอนด์เพื่อที่จะขายใบรับรองผลการตรวจโควิดปลอม โดยนายปังปอนด์ได้หาซื้อบัญชีธนาคารของผู้อื่นเพื่อใช้เป็นบัญชีม้าจาก น.ส.พลอย และ นายวีรพล ผ่านทางเฟซบุ๊ก ใน ราคาบัญชีละ 3,500 บาท ส่วนนายมูนีร ได้ไปจ้างบริษัทแห่งหนึ่งเขียนเว็บไซต์ และยิงแอดโฆษณา เมื่อมีผู้สนใจติดต่อ มา นายมูนีร จะเป็นแอดมินพูดคุยกับลูกค้า โดย นายมูนีร จะส่งชื่อนามสกุล วันเดือนปีเกิด และวันที่ที่ต้องการให้ระบุในผลตรวจ ให้แก่นายปังปอนด์ จากนั้นนายปังปอนด์ จะทําการปลอมแปลงใบรับรองผลการตรวจโควิด แล้วส่งให้แก่ นาย มูนีร เพื่อส่งต่อให้กับลูกค้า เมื่อลูกค้าชําระเงินเรียบร้อยแล้ว นายมูนีร จะเป็นผู้รวบรวมและยักย้ายถ่ายเทเงินไปยังบัญชี ม้าต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับกุม จากนั้นจะมีการแบ่งผลประโยชน์กัน โดย นายมูนีร ได้ 500 บาท/ คน ส่วน นายปัง ปอนด์ ได้ 390 บาท/คน (ราคา 890 บาท) โดยจากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 – มกราคม 2565 กลุ่มผู้ต้องหาได้เงินจากการขายใบรับรองผลการตรวจโควิดปลอม ประมาณ 300,000 บาท
จากการสืบสวนเพ่ิมเติมพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวยังได้ลักลอบจําหน่ายวุฒิการศึกษาปลอมให้แก่บุคคลทั่วไป เพื่อนําไปใช้การสมัครเรียนต่อ หรือทํางาน ผ่านเว็บไซต์ https://gray-mulniti.com โดยมีให้เลือกตั้งแต่ระดับชั้น ประถมศึกษา จนถึงระดับปริญญาโท ในราคาตั้งแต่ 1,500-7,000 บาท อีกทั้งยังรับปลอมแปลงใบขับข่ี, บัตรประจําตัว, ประชาชน, บัตรข้าราชการ, โฉนดที่ดิน และทะเบียนรถ อีกด้วย โดยพบว่า ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 – มกราคม 2565 กลุ่มผู้ต้องหาได้รับเงินจากปลอมแปลมเอกสารดังกล่าว ประมาณ 5,000,000 บาท