ด้วยกลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. ได้ตรวจสอบพบการโฆษณาชักชวนให้เข้ากลุ่มลับที่มีการจำหน่าย สื่อลามกอนาจารเด็ก (CSAM) ผ่าน แอพพลิเคชั่นไลน์ โดยมีค่าสมัครสมาชิกแรกเข้าจำนวน 200 บาท และจ่ายรายเดือนอีกเดือนละ 50 บาท
ผกก.กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. จึงได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด ร่วมกันสืบสวนจนทราบว่าผู้จัดการหรือแอดมินกลุ่มลับ ใช้บัญชีไลน์ที่ชื่อว่า เอ็มสายหลอน ซึ่งได้มีการเปิดกลุ่มลับจำนวนกว่า 100 กลุ่ม ส่วนใหญ่เป็นสื่อลามกอนาจารเด็ก (CSAM) เกือบทั้งหมด ซึ่งมีสื่อลามกอนาจารเด็ก (CSAM) ทั้งเด็กไทย และเด็กต่างชาติ สืบสวนจนทราบว่าแอดมินกลุ่มลับคือนายตะวัน หรือ เอ็มสายหลอน อายุ 30 ปี อาศัยอยู่ ตำบลท่าข้าม อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม จากการตรวจประวัติคดีอาญา พบเคยต้องหาคดีอาญาฐานกระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี เมื่อปี 2560 จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดนครปฐม ออกหมายค้น
ต่อมาวันที่ 11 ม.ค. 67 เวลา 06.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดนครปฐม เข้าตรวจค้นบ้านซึ่งเป็นที่พักของนายตะวัน และเข้าจับกุมในความผิดฐาน “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูล คอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ, ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 281/1 เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการจ่ายแจก ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้า หรือส่งออก หรือทำให้แพร่หลายโดยประการใดๆ ซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็ก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287/2”
จากการตรวจค้นพบโทรศัพท์ของกลาง จำนวน 2 เครื่อง ซึ่งมีการลงแอปพลิเคชั่นไลน์ และกลุ่มไลน์ที่มีการลง สื่อลามกอนาจารเด็ก (CSAM) รวมแล้ว 119 กลุ่ม มีสมาชิกในกลุ่มลับรวมกว่า 17,191 คน มีไฟล์สื่อลามก รวมกันมากกว่า 17,000 ไฟล์ นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์แก้ว จ.นครปฐม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพ รับทำมาแล้วหลายปี เคยทำร่วมกับคนอื่น แล้วแยกย้ายกันไปเปิดของตัวเอง และมีการทักหากเด็กหลายคนเพื่อล่อลวงให้เด็กผลิตสื่อลามกอนาจารเด็ก (CSAM) ให้ แต่ยังไม่มีผู้เสียหายหลงกลส่งสื่อลามกกลับมา ซึ่งแอดมินกลุ่มลับน่าจะมีอาการที่เรียกว่า “โรคใคร่เด็ก” (Pedophilia)
โรคใคร่เด็ก (Pedophilia) เป็นอาการทางจิตที่ผิดปกติที่แสดงออกว่าชอบหรือรักเด็ก แต่เป็นความรักที่เกินขอบเขต รักแบบคลั่งไคล้ ต้องการให้เด็กเป็นของตัวเอง จนนำไปสู่การนำเด็กมาเป็นเหยื่อบำบัดความใคร่ทางเพศ
ลักษณะผู้ป่วยโรคใคร่เด็ก(ไม่แสดงพฤติกรรมที่ชัดเจนและสังเกตอาการจากภายนอกได้ยาก)
– ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายอายุ 35 – 40 ขึ้นไป
– ไม่ค่อยมีความสุขกับคู่ครองวัยเดียวกัน
– ส่วนใหญ่เกิดจากคนในครอบครัว/คนใกล้ชิด เช่น เพื่อนบ้าน/ญาติ
– พยายามเข้าใกล้เด็กด้วยวิธีการตีสนิท หลอกล่อ ให้รางวัล ให้ขนม ให้เงิน เพื่อให้เด็กเชื่อใจ/ตีสนิท
– เกิดความรู้สึก/มีจินตนาการทางเพศกับเด็กเท่านั้น
– ชอบมีความสัมพันธ์ทางเพศกับเด็กและทำซ้ำแล้วซ้ำอีกทั้งเด็กคนเดิมหรือเด็กคนใหม่
ใครที่มีความเสี่ยงจะตกเป็นเหยื่อ : เด็กก่อนวัยเริ่มเจริญพันธุ์ไปถึง 13 ปี
– เด็กทารก
– เด็กอนุบาล
– เด็กประถม
รูปแบบการกระทำทางเพศกับเด็ก
– ไม่มีการสัมผัสร่างกาย
– สัมผัสร่างกายแต่ไม่ได้ล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศ
– ล่วงละเมิดทางเพศ
ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีการกำหนดโทษและลงโทษโดยคำนึงถึงความผิดปกติทางจิต “โรคใคร่เด็ก” และอาจไม่เข้าข่ายเป็นผู้ป่วยทางจิตเวช ผู้ทำความผิดจึงมีความผิดและรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา
ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ตอท.,พ.ต.อ.ไพโรจน์ หมื่นกล้าหาญ รอง ผบก.ตอท. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ ผกก.กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม