เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2551 เจ้าพนักงานเทศบาลแห่งหนึ่ง ขณะดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนารายได้ ระดับ 6 มีหน้าที่ควบคุมดูแลการจัดเก็บรายได้ผลประโยชน์ เร่งรัดรายได้ทุกประเภทของเทศบาล รวมไปถึงภาษีโรงเรือน ที่ดิน และภาษีป้ายในพื้นที่เขตเทศบาล ได้ถูกไล่ออก เนื่องด้วยที่ออกใบเสร็จการเสียภาษี แต่ไม่นำเงินเข้าบัญชีเทศบาล แต่กลับเบียดบังเอาเงินไปเป็นของตัวเอง กว่า ๑๐๐ ครั้ง สูญเงินไปกว่า ๓ แสนกว่าบาท แล้วหลบหนีความผิดไป อันเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตสำหรับตนเองหรือผู้อื่น
พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผกก.4 บก.ปปป.) พร้อมทีมงาน ลงพื้นที่สืบสวนจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าวนี้ โดยได้รับประสานจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปารมการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ว่ามีผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 1 มีพฤติการณ์หลบหนี
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปปป. นำโดย พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปปป., พ.ต.ท.อำนวย วิชิตโสภณ สว.กก.4 บก.ปปป. พร้อมพวก ลงสืบสวนติดตามอย่างละเอียดจนพบว่า นางพัชร (นามสมมติ) อดีตเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว หลบหนีซุกซ่อนอยู่กับครอบครัวในกรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง มานานกว่า 15 ปี จากนั้น ในวันที่ 24 มกราคม 2567 จึงได้นำกำลังชุดจับกุมสนับสนุนโดย นายกฤศกร สนิทศักดิ์ดี ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ เขต 1 ร่วมกันบุกรวบตัวถึงหน้าบ้าน โดยเข้าแสดงหมาย ยืนยันตัวบุคคลชัดเจนแล้วรับสารภาพว่าเป็นบุคคลตามหมายจริงและยังไม่เคยถูกจับมาก่อน อ้างว่า ตนได้ทำไป เนื่องจากต้องเอาเงินมาหมุนใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ไม่สามารถหามาคืนได้ทันในห้วงที่ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)เข้าตรวจสอบ จึงได้เชิดเงินหลบหนีมาอยู่กับสามีจนถึงปัจจุบันและถูกจับในครั้งนี้
ด้าน พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปปป. กล่าวว่า นางพัชร (นามสมมติ) ได้นำเงินที่ประชาชนมาเสียภาษีประจำปี เท่าที่ตรวจสอบเจอไปร้อยกว่าครั้ง โดยเป็นเงินตั้งแต่หลักร้อยบาท หลักหลายพัน จนถึงหลักหมื่น และด้วยความชะล่าใจ ยักยอกไปสูงสุด ๓ หมื่นบาทต่อครั้ง ซึ่งเป็นเงินภาษีโรงเรือนและที่ดิน ของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งโดยปกติในห้วงเดือนมกราคม และกุมภาพันธ์ของทุกปี จะเป็นช่วงมีการจัดเก็บภาษีดังกล่าวเพื่อนำมาพัฒนาประเทศ การยักยอกเงินในส่วนนี้จึงไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ในระดับหน่วยงาน แต่ยังส่งผลต่อสวัสดิการและความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่อีกด้วยแต่ก็ไม่ต้องกังวลใจ เพราะจะมีวิธีการในการเรียกเงินดังกล่าวคืนตามช่องทางกฎหมาย
ในส่วนของภาษีโรงเรือนและภาษีที่ดิน ( Building and Land Tax) คือภาษีที่เรียกเก็บจากอสังหาริมทรัพย์ที่มีการใช้ประโยชน์อย่างต่อเนื่อง เช่น กิจการหอพัก, โรงเรียน, ธนาคาร, โรงพยาบาล และสถานประกอบการต่าง ๆ โดยเจ้าของทรัพย์สินเองต้องเป็นผู้ยื่นเสียภาษีกับเทศบาลท้องที่ เว้นแต่จะเป็นที่อยู่อาศัยเอง และทรัพย์สินที่ถูกยกเว้นตามกฎหมายที่จะไม่ต้องเสียภาษีดังกล่าวนี้ เพราะฉะนั้น ขอให้พี่น้องประชาชนทั้งหลายที่ประกอบกิจการดังที่ได้กล่าวไปข้างต้นต้องยื่นเสียภาษีให้ตรงห้วงเวลา โดยสามารถยื่นได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น ไปรษณีย์, ผ่านตู้เอทีเอ็ม หรือแอพพลิเคชั่นธนาคาร ฯลฯ โดยข้อดีของการยื่นโดยไม่ใช้เงินสด ย่อมตัดช่องว่างในการยักยอกเงินของเจ้าหน้าที่ไปได้อีกทางหนึ่งด้วย
ซึ่งในการจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตในภาครัฐ บก.ปปป. ได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นความเสียต่อรัฐที่มีจำนวนมาก และส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเที่ยงตรง ยุติธรรม และความเชื่อมั่นของประชาชน ในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. ได้จับกุมตัวนำส่งศาลอาญาคดีทุจริตรัฐ ภาค 1 จังหวัดสระบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
หากพบมีเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการในลักษณะเดียวกันนี้ สามารถแจ้งมายังกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) โทร. 02-1919191 สายด่วน ป.ป.ช. 1205 (สำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ), สายด่วน ป.ป.ท. 1206 (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ) และ สายด่วน ป.ป.ง. โทร. 02-2193600 (สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน)บก. ปปป. … ความยุติธรรม ไม่ต้องร้องขอ