สืบเนื่องจากช่วงบ่ายของวันที่ 15 ม.ค.66 มีมิจฉาชีพโทรศัพท์หาผู้เสียหาย อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร ชื่อดัง แจ้งว่าผู้เสียหายได้เปิดบัตรเครดิตของธนาคารที่จังหวัดพิษณุโลกไว้ มียอดค้างชำระ 3 เดือน รวมเป็นเงิน 57,777 บาท ซึ่งผู้เสียหายได้ปฏิเสธไป คนร้ายจึงได้แจ้งว่าข้อมูลของผู้เสียหายอาจมีคนแอบอ้างไปเปิดบัตรเครดิต ให้ผู้เสียหายไปแจ้งความที่ สภ.เมืองพิษณุโลก ซึ่งผู้เสียหายไม่สะดวก คนร้ายจึงแนะนำให้แจ้งความออนไลน์ โดยให้แอดไลน์ สภ.เมืองพิษณุโลก
ต่อมา มิจฉาชีพได้อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก อ้างตัวเป็นร้อยเวรเจ้าของคดี จากนั้นให้ผู้เสียหายเปิดกล้องเพื่อสแกนใบหน้าอ้างว่าเพื่อตรวจสอบข้อมูล ต่อมาคนร้ายได้ส่งเอกสารหลักฐานทางไลน์ดังกล่าว เพื่อแสดงว่าผู้เสียหายเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินจริง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องอายัดบัญชีธนาคารและทรัพย์สิน พร้อมกับส่งภาพบุคคลที่อ้างว่าเคยเป็นผู้จัดการธนาคารที่ผู้เสียหายอาจถูกนำข้อมูลไปทำการเปิดบัญชีเกี่ยวพันกับการฟอกเงิน
จากนั้น มิจฉาชีพแจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงิน โดยหลอกว่าเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ให้โอนไปทำการตรวจสอบ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้โอนเงินไป ครั้งแรก จำนวน 48,391.65 บาท และครั้งที่สองโอนไป จำนวน 37,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 85,391.65 บาท หลังจากนั้นแชทไลน์ดังกล่าวก็โดนบล็อกไป และไม่สามารถติดต่อกับบัญชีไลน์ดังกล่าวได้อีก ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกหลอกแล้ว จึงได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนสอบสวนเพื่อกวาดล้างจับกุมขบวนการดังกล่าวมาลงโทษตามกฎหมาย
กระทั่ง ว่าที่ พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สืบสวน จนทราบว่า นายวรพงศ์ ฯ อายุ 27 ปี ซึ่งถูกออกหมายจับโดยศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ พักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ถ.เทศบาล 12 ต.สระแก้ว อ.เมืองสระแก้ว จว.สระแก้ว จึงวางแผนเข้าจับกุม จนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้บริเวณหน้าบ้านหลังดังกล่าว พร้อมแจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น,นำเข้าสู่ระบบระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” นำส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.3 มาดำเนินคดีได้ในที่สุด
ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3, ว่าที่ พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3
สั่งการให้ พ.ต.ท.วีระศักดิ์ แก้วเนียม รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3, พ.ต.ท.เลอศักดิ์ พิเชษฐไพบูลย์,
พ.ต.ต.ธวัช ทุเครือ, พ.ต.ต.ขจร แย้มชม สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม