ตามแผนปฏิบัติการพิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมงสํานักงานตํารวจแห่งชาติ พ.ศ.2566 (พดส.ตร.66) ได้กำหนดกลยุทธ์ในการปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต โดยมีเป้าหมาย คือ การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในรูปแบบออนไลน์ ทั้งขบวนการค้ามนุษย์ชาวไทย และขบวนการค้ามนุษย์ชาวต่างชาติ ประกอบกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ / ผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก เยาวชน สตรี ป้องกันการค้ามนุษย์และ ภาคประมง ได้มอบนโยบายในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม โดยให้ระดมกวาดล้าง ขุดรากถอนโคน ขบวนการค้ามนุษย์ทุกรูปแบบ
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ,พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม., พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์, พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์ รอง ผบก.ปคม., ว่าที่ พ.ต.อ.ก่อเกียรติ วุฒิจำนงค์ ผกก.1 บก.ปคม., พ.ต.ท.นิติ ด่านไพบูลย์, พ.ต.ท.เอกรณการ นาคนิยม รอง ผกก.1 บก.ปคม. และ พ.ต.ท.ชัยชนะ สุริยวงค์ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ปคม.
ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปคม. ทำการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหา ซึ่งได้กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 2 คดี ได้แก่
คดีที่ 1
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ธนกร จาวรุ่งวณิชสกุล สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ปคม., พ.ต.ท.สุรศักดิ์ หญีตบึ้ง และ ว่าที่ พ.ต.ต.ภานุพันธ์ ฤทธิเดช สว.กก.1 บก.ปคม. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปคม.
ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายกฤติเดช ฯ อายุ 20 ปี
ในความผิดฐาน
- “ค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการผลิต หรือเผยแพร่วัตถุ หรือสื่อลามกเด็ก” มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 6 – 15 ปี และปรับตั้งแต่ 600,000 – 1,500,000 บาท
- “เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวด แก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไปหรือยังให้พาไปหรือทำให้แพร่หลายโดยประการใด ๆ ซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็ก”
มีอัตราโทษ จำคุกตั้งแต่ 3 – 10 ปี และ ปรับตั้งแต่ 60,000 – 200,000 บาท - “กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปีซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม
มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 7 – 20 ปี และ ปรับตั้งแต่ 140,000 – 400,000 บาท หรือจำคุกตลอดชีวิต - “ขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด”
มีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปคม. ได้ทำการสืบสวนพบกลุ่มลับมีการ
โพสต์ภาพพร้อมข้อความโฆษณาเชิญชวนให้สมาชิกในกลุ่มซื้อคลิปลามกอนาจาร ก่อนที่สายลับจะทำการติดต่อขอซื้อคลิปเหล่านั้นผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์ ที่มีการระบุว่าเป็นคลิปลับของตนเองที่ถ่ายกับน้องสาวขณะกำลังมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งหากสนใจจะขายคลิปละ 25-50 บาท ก่อนจะส่งเลขบัญชีธนาคาร เพื่อให้สายลับโอนเงินค่าซื้อคลิปไปให้ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบคลิปที่สายลับได้มา พบว่าเป็นคลิปเด็กหญิง ที่สวมใส่ชุดนักเรียน ของโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง คาดว่าเด็กหญิงในคลิปดังกล่าว น่าจะมีอายุต่ำกว่า 15 ปี เป็นเหตุให้เกิดการตรวจสอบโดยละเอียด ก่อนจะทราบชื่อของเด็กหญิงคนดังกล่าว และพบว่ามีอายุเพียง 13 ปีเท่านั้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบติดต่อ พร้อมเข้าช่วยเหลือเด็กหญิง ผู้เสียหายรายดังกล่าวทันที ซึ่งจากการสอบถามผู้เสียหายให้การว่ารู้จักกับนายกฤติเดช ฯ ผู้ต้องหา ผ่านทางแอปพลิเคชันหนึ่งบนออนไลน์ และได้พูดคุยกันจนตกลงคบหากันเป็นแฟน จากนั้นได้มีการนัดเจอกัน ก่อนที่นายกฤติเดช ฯ จะขอมีเพศสัมพันธ์ด้วย ซี่งในระหว่างมีเพศสัมพันธ์ผู้ต้องหาได้ขอถ่ายคลิปวิดีโอ แต่ผู้เสียหายพยายามบ่ายเบี่ยงและร้องขอเพื่อไม่ให้ถ่ายคลิป แต่นายกฤติเดช ฯ ไม่ยินยอม แต่ด้วยความรักและหลงเชื่อใจ ทำให้ผู้เสียหายยินยอม โดยไม่คิดว่านายกฤติเดช ฯ จะนำคลิปไปเผยแพร่บนโลกออนไลน์เช่นนี้ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนขอศาลออกหมายจับ นายกฤติเดช ฯ และนำกำลังเข้าจับกุม นายกฤติเดชฯ ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคม. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้จากข้อมูลยังพบว่า นายกฤติเดช ฯ ผู้ต้องหารายนี้ เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่านธนบุรี กรุงเทพมหานคร อีกทั้งยังเป็นเคยเป็น นักแสดงตัวประกอบ อีกด้วย
สอบถามเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่ารู้จักกับเด็กหญิงรายดังกล่าวจริง และรับว่ามีการถ่ายคลิประหว่างมีเพศสัมพันธ์ อ้างสาเหตุที่นำคลิปมาขายในโลกออนไลน์ เพราะ เงินไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย
คดีที่ 2
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ณัฏฐพัชร์ งามประดิษฐ์ , พ.ต.ท.บุรินทร์ กะปิตถา และ ว่าที่ พ.ต.ต.พศวัต ศรีสุขโข สว.กก. 1 บก.ปคม. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปคม.
ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายศุภมงคล ฯ หรือมายด์ อายุ 19 ปี
ในความผิดฐาน
- “ค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการผลิต หรือเผยแพร่วัตถุ หรือสื่อลามกเด็ก” มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 6 – 15 ปี และปรับตั้งแต่ 600,000 – 1,500,000 บาท
- “เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวด แก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไปหรือยังให้พาไปหรือทำให้แพร่หลายโดยประการใด ๆ ซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็ก”
มีอัตราโทษ จำคุกตั้งแต่ 3 – 10 ปี และ ปรับตั้งแต่ 60,000 – 200,000 บาท
พฤติการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปคม. ได้ทำการสืบสวนพบบัญชีบนสื่อออนไลน์ที่มีผู้ติดตามกว่า 1.3 แสนราย มีพฤติการณ์โพสต์คลิปลามกอนาจารจำนวนมาก พร้อมทั้งเชิญชวนให้บุคคลทั่วไปที่สนใจเข้ามาเป็นสมาชิกในกลุ่มลับ เพื่อจะได้ดูคลิปวิดีโอลามกอนาจารมากขึ้น โดยมีคลิปหนึ่งที่โพสต์เมื่อช่วงเดือนกันยายน 2566 ปรากฏคลิปการมีเพศสัมพันธ์ของชายหญิง 2 คู่ อยู่บนเตียงเดียวกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าคู่หนึ่งที่ปรากฎในคลิปนั้น เป็นเด็กชายและหญิง อายุต่ำกว่า 18 ปี จึงได้ทำการแฝงตัวเข้าไปอยู่ในกลุ่มลับ ทำให้ทราบว่าการจะเข้าเป็นสมาชิกนั้น ต้องเสียเงินค่าสมาชิก โดยมีให้เลือก 3 ราคา คือ VIP 199 , VVIP 999 และ SPVIP 2599 บาท เมื่อจ่ายเงินค่าสมาชิก จะได้รับเชิญให้เข้ากลุ่มลับตามราคาข้างต้น โดยพบว่ามีคลิปลามกอนาจาร โพสต์เอาไว้ในเป็นจำนวนมาก และหนึ่งในนั้น เป็นคลิปเดียวกับที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจพบและคาดว่าเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ก่อนทำการตรวจสอบโดยละเอียด จนทราบชื่อของเด็กที่ปรากฏในคลิปทั้ง 2 ราย และพบว่ามีอายุต่ำกว่า 18 ปีจริง
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบให้ความช่วยเหลือเด็กทั้ง 2 รายโดยทันที จากการสอบถามเด็ก ทั้ง 2 ราย ให้การว่ารู้จักกับนายศุภมงคล ฯ มาก่อนหน้านี้ และพักอาศัยอยู่ด้วยกันมาตลอด โดยในวันเกิดเหตุ ผู้ต้องหาได้ชักชวนเด็กทั้ง 2 ราย ไปเที่ยวที่พัทยา และขอถ่ายคลิปวิดีโอขณะมีเพศสัมพันธ์กัน 2 คู่ (ไม่มีการสลับคู่) โดยนายศุภมงคล ฯ ไม่ได้บอกว่าจะนำคลิปไปทำอะไร ประกอบกับความไว้วางใจ เชื่อใจ และให้ความเคารพเสมือนเป็นพี่แท้ๆ จึงไม่คิดว่านายศุภมงคล ฯ จะนำคลิปไปเผยแพร่ พวกตนจึงยินยอมให้ถ่าย ก่อนจะมาทราบภายหลังว่าถูกนำคลิปพวกตนไปโพสต์ขายในกลุ่มลับ เก็บเงินค่าสมาชิกในการเข้ากลุ่มเช่นนี้
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสืบสวน กระทั่งทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือ นายศุภมงคล และเป็นสาวประเภทสอง มิหนำซ้ำยังเป็นบุคคลมีชื่อเสียงบนสื่อสังคมออนไลน์ ชื่อดัง มีผู้ติดตามมากกว่า 1.3 แสนราย มีการโพสต์ โปรโมทคลิปลามกอนาจารบนสื่อออนไลน์ และเชิญชวนบุคคลทั่วไปเข้ามาเป็นสมาชิกในกลุ่มลับต่อเนื่อง และยังพบว่า ผู้ต้องหา รายนี้ มีรายได้จากการเป็นแอดมินกลุ่มลับประมาณ 50,000-100,000 บาทต่อเดือน
เมื่อได้ข้อมูลทั้งหมด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขอศาลออกหมายจับ ก่อนเข้าทำการจับกุมตัว นายศุภมงคล ฯ นำส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคม. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปคม. ได้มีการสืบสวนสอบสวน และเฝ้าติดตามพฤติกรรมของผู้ต้องหาทั้ง 2 รายมาโดยตลอด พบว่ามีพฤติการณ์เป็นทั้งผู้ผลิตและเผยแพร่สื่อลามกบนโลกออนไลน์
ที่เรียกได้ว่า “เป็นการค้ามนุษย์ ในรูปแบบการผลิต หรือเผยแพร่สื่อลามกเด็ก” โดยผู้ต้องหาได้ใช้ความรักและความเชื่อใจของเด็กผู้เสียหายทุกราย ทำให้ยินยอมให้ถ่ายคลิปลามกอนาจาร ซึ่งเด็กผู้เสียหายเหล่านี้ ไม่คาดคิดว่าจะถูกหักหลังนำคลิปไปเผยแพร่ แลกเป็นเงิน ใช้เป็นช่องทางในการหารายได้อันเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการผลิตหรือเผยแพร่ วัตถุหรือสื่อลามกเด็ก
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จึงขอฝากประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนพ่อแม่ ผู้ปกครอง ที่มีบุตรหลาน ของท่าน อย่าปล่อยปละละเลยให้ใช้โทรศัพท์มือถือในการเล่นเกมส์ อินเตอร์เน็ต หรือสื่อสังคมออนไลน์ ควรมีการให้คำแนะนำ หรือสอนวิธีการใช้งานอย่างถูกต้อง หรืออาจจัดสรรเวลาในการพูดคุย สนทนา สอบถามว่าบุตรหลานของท่าน เล่นเกมส์ หรือใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ประเภทใดอยู่บ้าง หรือสร้างความเชื่อใจให้บุตรหลานของท่าน โดยท่านอาจร่วมเล่นเกมส์ เพื่อสื่อสารและทำความเข้าใจกับบุตรหลานของท่านมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันภัยการหลอกลวงที่อยู่ในโลกออนไลน์ ผู้กระทำผิดอาจใช้วิธีการปลอมตัวตน หรือทักแชทมาสนทนาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในช่องทาง หรือแพลตฟอร์มต่างๆ กับบุตรหลานของท่าน โดยใช้ภาพโปรไฟล์ หน้าตาดี บุคลิกดี หลอกลวงให้นัดมาหาผู้กระทำผิด โดยการให้สิ่งของ ของเล่น ของขวัญ แลกเปลี่ยน และนำไปสู่การล่วงละเมิดทางเพศ หรือการกระทำผิดในรูปแบบอื่นๆ ได้
และขอฝากประชาสัมพันธ์ด้านกฎหมาย การถ่ายภาพ เสียง หรือคลิปวิดิโอ ที่เป็นสื่อลามกอนาจาร สื่อลามกอนาจารเด็ก และมีการ ผลิตและเผยแพร่ มีความผิดตามกฎหมาย โดยต้องรับโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ กึ่งหนึ่ง และหากมีการ แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ จะเป็นความผิดฐานค้ามนุษย์ ซึ่งมีโทษ จำคุกตั้งแต่ 4 – 20 ปี ขึ้นอยู่ กับช่วงอายุของผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์
ทั้งนี้ หากประชาชนมีเบาะแส หรือได้รับความเดือดร้อน สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ โทร สายด่วน 1191 หรือเพจเฟซบุ๊ก “กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์”