วันจันทร์, เมษายน 29, 2024
หน้าแรกไม่มีหมวดหมู่ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบหนุ่มใหญ่ร่วมกับพวก 4 คนอ้างเป็นตำรวจกองปราบ อุ้ม ยัดยา รีดเงิน ประวัติก่อเหตุโชกโชนกองบัญชาการตำรวจสอบสวน

Related Posts

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบหนุ่มใหญ่ร่วมกับพวก 4 คนอ้างเป็นตำรวจกองปราบ อุ้ม ยัดยา รีดเงิน ประวัติก่อเหตุโชกโชนกองบัญชาการตำรวจสอบสวน

กลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การ
อำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก. ได้สั่งการให้
พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป.,พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ, พ.ต.ท.ธนศักดิ์ สว่างศรี, พ.ต.ท.สมเดช สาระบรรณ์,พ.ต.ท.อภิชน ขันกา,พ.ต.ท.พชรเดช บุญฤทธิ์ รอง ผกก.1 บก.ป.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.นพพล ปุยะติ, พ.ต.ต.เดชวุฒิ อุตรศาสตร์, พ.ต.ต.หญิง รัชฎาวรรณสีไพสน, ว่าที่ พ.ต.ต.อนวัช ตันตินันทกุล, ว่าที่ พ.ต.ต.ธีรพงศ์ ตาบัวตูม, ว่าที่ พ.ต.ต.มณเฑียร ธงเทียน
สว.กก.1 บก.ป., ร.ต.อ.ธีรเดช อรุณนพรัตน์ รอง สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ป.,ร.ต.อ.ธีรพันธ์ หอมจันทร์ รอง สว.กก.1 บก.ป., ด.ต.พุฒิพัฒน์ เพ็งเหล็ง, ด.ต.ไพรัช เสมอจิตร, ด.ต.ธวัชชัย ผาสุกานนท์, จ.ส.ต.พิทักษ์ มาลาทอง,จ.ส.ต.ปิยะชัย เหมะธุลิน และ จ.ส.ต.ประพล หนูดวง ผบ.หมู่ กก.1 บก.ป. ร่วมกันจับกุมและดำเนินคดี

  1. นายมานะ (สงวนนามสกุล) อายุ 58 ปี สถานที่จับกุม จับกุมบริเวณ ซอยลาดพร้าว 101 แขวง
    คลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
  2. นายวีรยุทธฯ (สงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สายไหม
    โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันกรรโชกทรัพย์, ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและ
    กระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง
    หรือขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย”

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 10 ก.พ.67 เพจสายไหมต้องรอด ได้พาผู้เสียหายจำนวน 2 คน
เข้าร้องขอความเป็นธรรม และแจ้งความให้ดำเนินคดีกับชายฉกรรจ์ 4 คน ที่ สน.สายไหม สาเหตุจากเมื่อวันที่
8 ก.พ.67 มีชายฉกรรจ์ 4 คนอ้างตัวเป็นตำรวจกองปราบ เข้าค้นบ้านเช่าผู้เสียหายแต่ไม่พบสิ่งกฎหมายชายฉกรรจ์กลุ่มดังกล่าวจึงพาผู้เสียหายขึ้นรถไปพร้อมกับกลุ่มผู้ต้องหาเพียงลำพังอ้าง โดยว่าจะพาไปสอบสวนจากนั้นได้มีการจอดรถยนต์คุยบริเวณหน้าโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 75 ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาได้หยิบยาเสพติดมาวางไว้บนตัก บังคับให้ผู้เสียหายชี้และรับว่ายาเสพติดเป็นของตน เมื่อผู้เสียหายไม่ยอมรับจึงถูกข่มขู่ และทำร้ายร่างกาย จากนั้นกลุ่มผู้ต้องหาจึงเสนอให้ผู้เสียหายหาเงินมา 100,000 บาท เพื่อเคลียร์คดี แต่ผู้เสียหายไม่มีเงินจึงทำการค้นตัวพบเงินจำนวน 5,200 บาท จึงได้เอาเงินของผู้เสียหายไป 5,000 บาท และนำผู้ต้องหามาปล่อยตัวที่บริเวณรามอินทรา 46 พร้อมกับบอกว่าให้ผู้เสีหายหาเงินส่วนที่เหลือมาให้ โดยข่มขู่ผู้เสียหายว่าอย่าคิดที่จะหนี เพราะถึงจะหนีก็สามารถติดตามตัวได้ หลังจากได้รับการปล่อยตัว ผู้เสียหายเกรงว่าจะเกิดอันตรายจึงได้เข้าร้องเรียนกับเพจสายไหมต้องรอด

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปราม ได้ประสานข้อมูลกับ ชุดสืบสวน สน.สายไหม จนทราบว่าหนึ่งในผู้ต้องหานั้นคือ นายมานะฯ จึงทำการสืบสวนจนทราบว่า หลัง
เกิดเหตุผู้ต้องหาได้หลบหนีมาพักอาศัยกับแฟนใหม่ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงลงพื้นที่ตรวจสอบและวางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ จนกระทั่งพบตัวผู้ต้องหาที่ คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ในซอยลาดพร้าว 101 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร จึงเข้าจับกุมตัวเพื่อดำเนินคดี สอบถามคำให้การเบื้องต้น นายมานะฯรับสารภาพว่าได้ร่วมกันก่อเหตุดังกล่าวกับพวกจริง จึงได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้น พบเสื้อผ้า โทรศัพท์ รถจักรยานยนต์
คัตเตอร์ ที่ใช้ในการก่อเหตุรวมทั้งสิ้น 8 รายการ จากนั้นจึงได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำบันทึกจับกุม บันทึกตรวจค้นและบันทึกตรวจยึด ส่ง พนักงานสอบสวน สภ.บางศรีเมือง จ.นนทบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ในส่วนของนายวีรยุทธฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ได้เร่งติดตามตัวเพื่อกดดันผู้ต้องหาอย่างหนักมาโดยตลอด กระทั่งต่อมาในวันที่ 13 ก.พ.67 เวลาประมาณ 22.00 น. นายวีรยุทธฯ อายุ 48 ปี หนึ่งในผู้ก่อเหตุทนไม่ไหว ดอดติดต่อขอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ทันทีที่ สน.สายไหม เนื่องจากเกรงว่าจะถูกตำรวจกอง
ปราบปรามจับกุม

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น นายวีระยุทธฯ ให้การภาคเสธ แต่รับว่าตนกับพวกรวมสี่คนได้ไปที่เกิดเหตุจริง และผู้ต้องหายืนยันว่ากลุ่มคนที่ก่อเหตุไม่มีใครเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบตามปรากฏในข่าวแต่อย่างใด ส่วนสาเหตุที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เนื่องจากกองปราบ เป็นหน่วยที่มีความ
น่าเชื่อถือสูง หากนำมาอ้างก็จะทำให้ดูน่ายำเกรงขึ้น

เบื้องต้นในคดีดังกล่าวยังมีผู้ต้องหาที่หลบหนีอีก 2 ราย คือ นายบุญทิ้งฯ อายุ 50 ปี และนายนิด หรือ นายไหม (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงเร่งติดตามตัวเพื่อนำมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วจาการตรวจสอบประวัติ และหมายจับของผู้ต้องหาในคดีนี้พบว่ากลุ่มผู้ต้องหาก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวมาอย่างโชกโชน ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย จำนวนหลายครั้งในหลายพื้นที่ ได้แก่

  1. คดีอาญาที่ 3201/2562 พื้นที่ สภ.เมืองนครราชสีมา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 ส.ค.2562 นายมานะฯ กับพวก ได้อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าค้นผู้ประกอบการจำหน่ายเครื่องสำอาง ข่มขู่เรียกรับเงิน 2 ล้านบาทแลกกับการไม่จับกุมดำเนินคดี (คดีอยู่ในชั้นพนักงานอัยการ)
  2. คดีอาญาที่ 273/2565 พื้นที่ สน.บางนา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 ม.ค.2565 นายบุญทิ้งฯ กับพวก มีพฤติกรรมอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่เรียกรับเงินจากผู้เสียหายซึ่งมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์
  3. คดีอาญาที่ 98/2566 พื้นที่ สภ.บางศรีเมือง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 ส.ค.2566 นายมานะฯ, นายบุญทิ้งฯ และ นายวีรยุทธฯ ได้ร่วมกันกับพวก อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ พาตัวผู้เสียหายออกมาจากบ้าน ข่มขู่เรียกเงิน จำนวน 50,000 บาท แลกกับการไม่ดำเนินคดีในข้อหายาเสพติด
    ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จึงขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนทุกท่าน หากประชาชน

ท่านใดถูกคนร้ายแอบอ้างเป็นเจ้าพนักงาน พฤติการณ์ในลักษณะข้างต้นนี้ ขอให้อย่าหลงเชื่อ ให้รีบติดต่อไปยังหน่วยงานต้นสังกัดที่ถูกแอบอ้าง เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ดังกล่าว
ทั้งนี้ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม ขอยืนยันว่าหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดไม่มีพฤติกรรมที่เกี่ยวกับกับกลุ่มคนร้ายในคดีนี้แต่อย่างใด หากมีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ใน
สังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับคดี และเจ้าหน้าที่ได้ที่เพจเฟซบุ๊ก ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ตลอด 24 ชั่วโมง ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ท.นพพล ปุยะติ สว.กก.1 บก.ป. โทร.092 946 9915

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts