กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป.,พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป.,พ.ต.อ.วิวัฒน์
จิตโสภากุล ผกก.2 บก.ป., พ.ต.ท.นฤทธิ์ ผูกจิตร, พ.ต.ท.เนติวิทย์ ธนาสิทธิ์นิติกุล, พ.ต.ท.นพรัตน์ คำมาก,
พ.ต.ท.สิทธิพร มีอาษา รอง ผกก.2 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย นำโดย พ.ต.ต.เอื้ออังกูร ชินโชติธีรนันท์ สว.กก.2 บก.ป.,ร.ต.อ.สฤษดิ์ ชำนิไกร, ร.ต.อ.เมทัส มณีเมือง รอง สว.กก.2 บก.ป. พร้อมข้าราชการตำรวจ กก.2 บก.ป.
ร่วมกันจับกุม นายฤทธิไกร ฯ อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดเลย ที่ 44/2566 ลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 ในความผิดฐาน “ข่มขืนกระทำชำเรา และได้กระทำโดยใช้อาวุธปืน , หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย,ทำร้ายร่างกาย และข่มขืนใจให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายเสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขู่ จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือยอมจำนนต่อสิ่งนั้น”
สถานที่จับกุม บริเวณริมถนนหน้าคอนโดมีเนียมแห่งหนึ่ง อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี
พฤติการณ์ พฤติการณ์ก่อนถูกจับกุม ตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับว่า มีชายอ้างตัวเป็นตำรวจ และมีพฤติการณ์ในการพกพาอาวุธปืนติดตัวเสมอ เวลาไปเที่ยวตามสถานบันเทิง ย่านเมืองเอก จังหวัดปทุมธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ป. จึงได้วางแผนสะกดรอยติดตาม จนทราบว่าบุคคลดังกล่าว คือ นายฤทธิไกร ฯ อายุ 27 ปี และมีพฤติกรรมในการอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมีพฤติกรรมการพกพาอาวุธคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ ตามที่สายลับแจ้งไว้จริง
ทั้งนี้จากการสืบสวนพบว่า เมื่อปี 2564 นายฤทธิไกรฯ มีประวัติเคยถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการนำภาพโป๊เปลือยของผู้เสียหายไปลงในสื่อโซเชียลมีเดีย และมีการข่มขู่เรียกเอาทรัพย์สินจากผู้เสียหาย จนผู้เสียหายเกิดความกลัวจึงต้องไปร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน และแจ้งความดำเนินคดีกับนายฤทธิไกรฯ ไว้
ต่อมาเมื่อปี 2565 นายฤทธิไกรฯ ยังมีประวัติถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการข่มขืนกระทำชำเรา โดยมีหรือใช้อาวุธปืน ซึ่งในคดีนี้ ศาลจังหวัดเลยได้ออกหมายจับที่ 44/2566 ลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 ในข้อกล่าวหา “ข่มขืนกระทำชำเรา และได้กระทำโดยใช้อาวุธปืน , หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย,ทำร้ายร่างกาย และข่มขืนใจให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายเสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขู่ จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือยอมจำนนต่อสิ่งนั้น”
เมื่อทราบประวัติดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ป.จึงได้ไปร้องขอต่อศาลจังหวัดปทุมธานี ตามหมายค้นศาลจังหวัดปทุมธานีที่ 20/2567 ลงวันที่ 12 ก.พ. 67 เพื่อขอเข้าค้นห้องพักของผู้ต้องหา
กระทั่งเมื่อถึงเวลาเข้าค้นห้องพักผู้ต้องหา กลับพบว่าผู้ต้องหาได้เก็บทรัพย์สินออกจากห้องพักไปจนหมดก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจค้นเพียง 3 ชั่วโมง โดยมีการอ้างกับทางผู้ดูแลหอพักว่าตนเองเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ไปจับกุมผู้มีอิทธิพล ทำให้เกิดความไม่พอใจ ตนจึงถูกติดตามรังควาน เรื่องกล่าวอ้างดังกล่าว ทำให้ผู้ดูแลหอพักหลงเชื่อ และแจ้งให้ผู้ต้องหาทราบว่ากำลังมีคนมาติดตามตัวผู้ต้องหาอยู่ เป็นเหตุให้ผู้ต้องหาไหวตัวทัน และขนย้ายทรัพย์สิน หลบหนีออกจากห้องพักก่อนที่จะถูกจับกุม
ในช่วงเดียวกัน เจ้าหน้าที่จึงเร่งตามตัวต่อ กระทั่งสืบทราบว่าตัวผู้ต้องหาได้มีการขนย้ายทรัพย์สินไปแอบไว้ที่ห้องพักของเพื่อนที่เป็นหญิงสาว ย่านดอนเมือง และตัวผู้ต้องหาได้หลบหนีไปอยู่หอพักกับเพื่อนหญิงสาวอีกคนหนึ่งย่านธัญบุรี จึงได้วางแผนทำการเข้าจับกุมตัวไว้ได้ดังกล่าว ตรวจค้นในห้องพบอาวุธปืน รวมถึงอุปกรณ์ช่วยเล็งต่างๆ โดยผู้ต้องหาให้การว่า อาวุธปืน รวมถึงอุปกรณ์ช่วยเล็งต่างๆที่ตนมีนั้นเป็นของปลอม ซึ่งเมื่อตรวจสอบก็พบว่าทั้งหมดเป็นของปลอม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเลย ต่อไป
สอบถามผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ร.ต.อ.สฤษดิ์ ชำนิไกร รอง สว.กก 2 บก.ป. 063-6262616
