วันอังคาร, พฤศจิกายน 26, 2024
หน้าแรกอาชญากรรม”กฤษฎา ทนายปราบโกง“ ร้อง ปปป.ดำเนินคดี ม.157 ผกก.บก.ปทส.เอื้อ ปย.บริษัทแป้งมันสำปะหลังปล่อยน้ำเสีย

Related Posts

”กฤษฎา ทนายปราบโกง“ ร้อง ปปป.ดำเนินคดี ม.157 ผกก.บก.ปทส.เอื้อ ปย.บริษัทแป้งมันสำปะหลังปล่อยน้ำเสีย

เมื่อ เวลา 11.00 น. วันที่ 21 ก.พ.67 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พหลโยธิน จตุจักร กทม. นายกฤษฎา อินทามระ ทนายความฉายาทนายปราบโกง เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน บก.ปปป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจำนวน 7 ราย ประกอบด้วย ผู้กำกับ 3 บก.ปทส. 1 นาย และกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทโรงงานแป้งมันสำปะหลังแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ตำบลหนองบัวศาลา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 6 คน ที่ร่วมกันสนับสนุนการกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

นายกฤษฏา เปิดเผยว่า เมื่อ วันที่ 24 ส.ค.66 เวลา 10.00 น. ผู้กำกับคนดังกล่าวพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปฎิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร นครราชสีมา (สปก)ได้มีการประชุมเพื่อสรุปข้อเท็จจริงจากกรณีที่มีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับโรงงานแป้งมันสำปะหลังประกอบกิจการ ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นและปล่อยน้ำเน่าเสียลงไปในที่ดินของ สปก.ประมาณ 300 ไร่

ในการประชุมครั้งนั้นได้เชิญสื่อมวลชนเข้าไปร่วมสังเกตการณ์และรายงานข่าว
โดยในที่ประชุมได้มีการนำภาพถ่ายทางอากาศแสดงให้เห็นที่ตั้งของที่ดิน สปก. ตรงตามที่มีผู้ร้องเรียนเข้ามา และมี ผอ.กลุ่มนายช่างอาวุโสของ สปก.อยู่ในห้องประชุมด้วย นายตำรววจคนดังกล่าวได้แถลงต่อที่ประชุมว่า

“ถ้าตรวจพบว่ามีการกระทำความผิดด้วยการปล่อยน้ำเน่าเสียลงบนที่ดินของ สปก.จริง ตนจะดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดอย่างไม่ละเว้น”

ต่อมาช่วงบ่าย ผู้กำกับ คนดังกล่าว และ ผอ.กลุ่มนายช่าง สปก.พร้อมคณะได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส.หลายนายเข้าไปตรวจสอบภายในโรงงานแป้งมันสำปะหลัง ตั้งอยู่ที่ ตำบลหนองบัวศาลา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา

แต่กลับไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวติดตามเข้าไปภายในโรงงานด้วยถึงอย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวพร้อมกับชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนก็ยังมีความหวังว่า ผู้กำกับท่านนี้จะออกมาพบผู้สื่อข่าวและชาวบ้านที่รออยู่
พร้อมทั้งตรวจสอบสภาพที่ดินของ สปก.ซี่งอยู่ด้านหลังโรงงานและเป็นจุดปล่อยน้ำเน่าเสียและ ผู้กำกับ จะต้องเก็บตัวอย่างน้ำด้านหลังโรงงานไปตรวจพิสูจน์ตามอำนาจหน้าที่ด้วย

แต่ ผู้กำกับท่านนี้เข้าไปในโรงงานนานหลายชั่วโมงสุดท้ายก็หลบหน้าหนีผู้สื่อข่าวออกด้านหลัง ปล่อยให้ชาวบ้านที่เฝ้าอยู่รอเก้อและผิดหวังที่ไม่ได้พบ ผู้กำกับ จึงเห็นว่ามีข้อพิรุธ อาจมีการเอื้อประโยชน์ให้แก่เจ้าของโรงงานดังกล่าว

หลังจากนั้นเพียงหนึ่งวันผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ติดต่อไปสัมภาษณ์ ผู้กำกับนายดังกล่าว ได้ชี้แจงว่า

”หากมีการสรุปผลตรวจสอบเป็นเช่นไรจะแจ้งให้สื่อมวลชนรับทราบ“

ต่อมาประมาณกลางเดือน ก.ย.66 ตนได้แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับปฎิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา และ ผอ.กลุ่มช่าง คนที่เข้าไปในโรงงานในวันที่ 24 ส.ค.66 พร้อมกับผู้กำกับท่านนั้น โดยแจ้งข้อหา ม.157

ต่อมาปลายเดือน พ.ย.66 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติส่งเรื่องกลับมาให้ บก.ปปป.ดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ สปก.ทั้งสองนาย ในข้อหา ม.157 แล้ว

ดังนั้น การที่ ผู้กำกับท่านนี้ มีการละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ทำให้เจ้าของโรงงานไม่ต้องถูกดำเนินคดีใดๆ ทั้งที่มีพยานหลักฐานอย่างเพียงพอแล้วที่จะดำเนินคดีได้ การละเว้นปฎิบัติหน้าที่จึงทำให้เจ้าของโรงงานสามารถประกอบกิจการสร้างความเสียหายให้แก่ที่ดินของ สปก.เกือบ 300 ไร่ และทำให้ประชาชนต้องทนทุกข์ทรมานกับกลิ่นเหม็นและมลพิษจากน้ำเน่าเสียต่อไป อีกทั้งการที่ ผู้กำกับท่านนี้เพิกเฉยไม่ออกไปตรวจสอบสภาพที่ดินของ สปก.ในวันที่ 24 ส.ค.66 ย่อมแสดงให้เห็นว่า มีการละเว้น การปฎิบัติหน้าที่อย่างชัดแจ้ง

ส่วนเจ้าของโรงงานก็มีการลักลอบขุดดินในที่ สปก.หลายร้อยไร่ให้เป็นบ่อเพื่อปล่อยน้ำเน่าเสียลงไปในบ่อที่ 1 บ่อที่ 2 และบ่อที่ 3 ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เพื่อต้องการกระจายน้ำเน่าสียออกไปให้พ้นจากโรงงานโดยไม่ต้องติดตั้งเครื่องบำบัดน้ำเสียเพราะต้องใช้เงินลงทุนสูงมากเกือบ 200 ล้านบาท เนื่องจากเป็นโรงงานขนาดใหญ่มีกำลังการผลิตสูงมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

วันนี้ตนจึงต้องมาแจ้งความร้องทุกข์ให้ บก.ปปป.ดำเนินคดีกับ ผู้กำกับ ท่านนี้ รวมทั้งเจ้าของโรงงานและกรรมการ รวม 7 คน ตามมาตรา 157

เบืัองต้นพนักงานสอบสวน ได้รับเรื่องไว้เสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts