หลังการจับกุม นายทิพย์ ผู้ต้องหาชิงทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวจีน ตั้ง 5 ข้อหาหนัก พร้อมคุมตัวผู้ต้องหาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ด้านผู้กำกับสภ.หนองปรือ เปิดเผยผู้ต้องหามีประวัติโชกโชน ก่อเหตุเพื่อชิงทรัพย์ไม่ได้หวังฆ่า
ภายหลังการจับกุม นายทิพย์ ภาศิริ อายุ 41 ปี ชาวจังหวัดอุตรดิตถ์ หลังตกเป็นผู้ต้องหาก่อเหตุ พยายามข่มขืน , กระทำอนาจาร , และชิงทรัพย์ นางสาวเหมยหลิน อายุ 29 ปี นักท่องเที่ยวสาวชาวจีน โดยสามารถจับกุมได้ ในบ้านพักแห่งหนึ่ง ย่านนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุต จ.ระยอง ช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา ( 20 ก.พ.67 ) ซึ่งผู้ต้องหาให้การยอมรับทุกข้อกล่าวหา แต่ปฏิเสธในกรณีมีการจุดไฟเผาเพื่อฆ่าปิดปากผู้เสียหาย ตามที่มีข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ ( 21 ก.พ.67 ) พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภาค 2 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ได้เดินทางมาสอบปากคำ นายทิพย์ ภาศิริ ผู้ต้องหารายนี้ด้วยตนเอง โดยการมีการคุมตัวออกจากห้องขัง แล้วเดินขึ้นไปที่ห้องประชุมชั้น 3 ของ สภ.หนองปรือ โดยเจ้าตัวมีสีหน้าเคร่งเครียด โดยมีการสอบปากคำนานกว่า 3 ชม.
ขณะเดียวกันยังพบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้ยึดรถของต่างเป็น รถกระบะ ยี่ห้อ อีซูซุแคป สีดำ ทะเบียน ผจ 2255 พิษณุโลก ซึ่งเป็นรถยนต์ของผู้ต้องหา และมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี เนื่องจาก เป็นรถที่ใช้ในการ หลบหนีหลังก่อเหตุ และรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟินน์ สีดำ เทา หมายเลขทะเบียน 3 กฉ 7744 ชลบุรี ที่ใช้ในการก่อเหตุจอดไว้เพื่อรอทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่หน้า สภ.หนองปรือ โดยตำรวจชุดสืบสวน ของกองบังคับการตำรวจสืบสวนภาค 2 มีการไล่กล้องวงจรปิด กว่า 70 ตัว ตามเส้นทางที่คนร้ายใช้ในการหลบหนี จนพบว่าหลังผู้ต้องหาก่อเหตุ ได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปทาง จ.ระยอง ก่อนจะไปเปลี่ยนเป็นรถยนต์กระบะ ภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ใกล้กับแยกคลังก๊าซ มาบตาพุต จ.ระยอง ก่อนจะสามารถจับกุมได้ดังกล่าว โดยเบื้องต้นพบว่ารถยนต์กระบะ มีการสวมทะเบียนปลอม และอยู่ในระหว่างการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม
ถัดมา ในเวลา 13.30 น. พ.ต.อ.ทวี กุดแถลง ผกก.สภ.หนองปรือ ได้กล่าวกับสื่อมวลชน ภายหลังการจับกุม นายทิพย์ ภาศิริ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาในคดีนี้ เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพ ทุกข้อกล่าวหา อีกทั้งยอมรับว่ามีการวางแผนมาเป็นอย่างดี ในการลงมือก่อเหตุผู้เสียหาย ในส่วนกรณี การจุดไฟเผาป่า ผู้ต้องหามีการยืนยันแล้วว่า ไม่มีความประสงค์จะลงมือสังหาร หรือ ฆ่าปิดปาก แต่เป็นการเผาทำลายหลักฐาน อาทิ เสื้อผ้า และ เอกสารสำคัญ ของผู้เสียหายเพื่อทำลายพยานวัตถุหลักฐาน
และจากการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ต้องหา พบว่าเคยต้องคดีชิงทรัพย์ ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และ คดีอาวุธปืน เพิ่งจะพ้นโทษออกมา เมื่อปี 2560 หลังจากพ้นโทษได้เดินทางมาทำงาน ในพื้นที่ จ.ระยอง และมักมีพฤติกรรม ตระเวนลงมือก่อเหตุชิงทรัพย์ผู้เสียหาย ซึ่งในส่วนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเกิดขึ้นในท้องที่ใดบ้าง นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ต้องหา ใช้ 2 คัน ในการก่อเหตุ โดยรถคันแรกเป็นรถจักรยานยนต์ ซึ่งจากการตรวจสอบ พบว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่มีการแจ้งความหายไว้เมื่อ ปลายปี 2566 จากนั้นก็จะขับมาเปลี่ยน เป็นรถยนต์กระบะ เพื่อใช้ในการหลบหนี
ส่วนสาเหตุที่ผู้ต้องหารายนี้ลงมือก่อเหตุ เพราะต้องการประสงค์ต่อทรัพย์ ซึ่งผู้ต้องหายังให้การยอมรับว่าทรัพย์สินที่ได้ไป เป็นเงินสดไทย 10,800 บาท และเงินสกุลหยวน 1,600 หยวน โดยเงินสกุลหยวน สามารถนำกลับมาคืนผู้เสียหายได้ทั้งหมด ส่วนในเรื่องของการได้เงินมาแล้ว จะนำไปใช้อะไรนั้น ทางผู้ต้องหาไม่ได้ให้การ แต่ตำรวจ พบว่าในโทรศัพท์มือถือ มีการเล่นพนันออนไลน์ อีกทั้งมีการส่งตัวไปตรวจสอบหาสารเสพติดในร่างกาย เบื้องต้นยังไม่พบ
สำหรับการดำเนินคดี ทางตำรวจมีการแจ้งข้อกล่าวหา ทั้งหมด 5 ข้อ 1.ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อกระทำความผิด และ พาทรัพย์นั้นไป 2.พยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้, 3.กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถชัดขืนได้ เป็นการกระทำโดยใช้วัตถุหรืออวัยวะอื่นซึ่งมีใช่อวัยวะเพศล่วงล้ำอวัยวะเพศหรือทวารหนักของบุคคลนั้น, 4.วางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น และ 5.หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย โดยแต่ละข้อหา มีโทษสูงสุด คือจำคุก 10-20 ปี
ส่วนความคืบหน้า ในเรื่องของผู้เสียหาย ทางผู้บังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการกำชับให้ดูแลและอำนวยความสะดวก และทำคดีอย่างรอบคอบ พร้อมทั้งฝากไปถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทย ขอแนะนำให้เดินทางมาเป็นหมู่คณะ หรือเป็นกรุ๊ปทัวร์ เนื่องจากจะเกิดความปลอดภัยมากกว่า อีกทั้ง การแยกออกมาเที่ยวตามลำพัง อาจเกิดความเสี่ยง ทั้งในเรื่องของการสื่อสาร และความไม่ชำนาญเส้นทาง อาจจะทำให้เกิดอันตรายได้
ขณะเดียวกันในวันนี้ยังพบว่า เจ้าของรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟินน์ สีดำ เทา หมายเลขทะเบียน 3 กฉ 7744 ชลบุรี ก็เดินทางมาดูรถที่ สภ.หนองปรือ และให้สัมภาษณ์กับสื่อ โดยบอกว่าตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะได้รถคืน แต่เมื่อได้คืนแล้วก็รู้สึกดี เพราะรถคันนี้เป็นรถของหลวงใช้ในราชการ หลังติดตามหารถมานานกว่า 2 เดือน ตอนแรกเมื่อเห็นข่าวก็จำรถไม่ได้ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรมาแจ้ง ก็รู้สึกตกใจที่มีคนร้ายนำไปใช้ในการก่อเหตุ
จนกระทั้งในเวลา 14.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาออกไปที่ชี้ รถยนต์และรถจักรยานยนต์ของกลางที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยผู้ต้องหา บอกกับสื่อมวลชนว่าอยากจะขอโทษนักท่องเที่ยวทุกคนที่มาท่องเที่ยวในประเทศไทย ที่ทำให้ประเทศไทยเสื่อมเสีย ไม่ได้ตั้งใจและไม่มีเจตนาที่จะฆ่า
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องหาเดินทางไป ยังจุดเกิดเหตุ เพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยจุดแรกจุดที่ผู้ต้องหาจอดรถ และนำเหยื่อลงจากรถ จากนั้นผู้เสียหายวิ่งหนีผู้ก่อเหตุก็วิ่งตามไปจับ โดยหยิบเชือกที่อยู่ในกระเป๋าออกมามัดมือตามที่ได้นำเสนอข่าวไป ก่อนนำเหยื่อเข้าไปในป่าและชิงทรัพย์ในป่า โดยยืนยันว่าไม่ได้กระทำมิดีมิร้ายเลย ซึ่งหลังได้เงินของกลางเป็นคนแก้มัด และปล่อยตัวให้เหยื่อวิ่งหนีไปด้วยซ้ำ.