การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชังสังฆะ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบกป., ว่าที่ พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.3 บก.ป., พ.ต.ท.พงศกร ตันอารีย์, พ.ต.ท.ภาณุมาศ แสงส่ง, พ.ต.ท.อภิมัณฑ์ บานชื่น, พ.ต.ท.พงษ์พิทักษ์ เหล็กชูชาติ รอง ผกก.3 บก.ป. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ว่าที่ พ.ต.ต.พงศธร รัชตวัชรางกูร สว.กก.3 บก.ป. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป.
ร่วมกันจับกุม นายชาคริตฯ อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 3383/2566 ลง 4 ต.ค.2566 โดยกล่าวหากระทำผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง และร่วมกันปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม” สถานที่จับกุม สถานีรถไฟแห่งหนึ่ง แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์ เมื่อประมาณ ปลายปี 2564 ได้มีกลุ่มผู้เสียหายเข้ามาพบพนักงานสอบสวน บก.ปอท. ร้องทุกข์กล่าวโทษกรณี นายชาคริตฯ ได้โพสเฟซบุ๊ก อ้างว่าเป็นตัวแทนของบริษัทขายหมึกปริ้นยี่ห้อดัง หากซื้อจำนวนมาก จะได้ในราคาถูก ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงได้โอนเงิน 100,000 บาท ภายหลังต่อมาเมื่อถึงกำหนดแล้วไม่นำส่งหมึกปริ้นให้
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนทำการสืบสวน ทราบว่านายชาคริตฯ ก่อเหตุฉ้อโกงออนไลน์ กระทั่งถูกออกหมายจับหลายท้องที่ พบมีหมายติดตัวรวมกันถึง 7 หมาย ในความผิดลักษณเดียวกันซ้ำไปซ้ำมา
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ทราบว่า นายชาคริตฯ จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ โดยรถไฟด่วนขบวนที่ 38
สุไหงโกลก – กรุงเทพฯ จึงได้วางกำลังในพื้นที่สถานีรถไฟแห่งหนึ่ง กระทั่งเวลาประมาณ 09.00 น.
ขบวนรถไฟด่วนขบวนที่ 38 มาถึง จึงประสานเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟดังกล่าว เข้าทำการจับกุม นายชาคริตฯ
ในขบวนดังกล่าว จากนั้นแสดงหมายจับให้ นายชาคริตฯ ดูอ่านจนเข้าใจดีแล้ว นำตัวบันทึกจับกุมที่ กก.3 บก.ป. ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ต้องหารายนี้เป็นอดีตตำรวจ สภ.ท่าธง อ.รามัน จ.ยะลา มีพฤติกรรมข่มขู่เรียกรับเงินกับกลุ่มวัยรุ่นที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จนถูกไล่ออกจากราชการ จากนั้นก็มาก่อเหตุฉ้อโกงออนไลน์ กระทั่งถูกออกหมายจับหลายท้องที่ และมีหมายจับอีกจำนวน 6 หมาย ได้แก่
1.ศาลอาญา ที่ 4005/2566 ลง 9 พ.ย.2566 คดีอาญา ที่ 22/2564 ข้อหา “ปลอมเอกสารสิทธิและ
ใช้เอกสารสิทธิปลอม, ฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง”
2.ศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.389/2566 ลง 8 พ.ค.2566 คดีอาญา ที่ 316/2565 ข้อหา “ปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม, ปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอมโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย
แก่ผู้อื่นหรือประชาชน, พยายามฉ้อโกง, โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ
โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง”
3.ศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 355/2565 ลง 19 ก.ค.2565 คดีอาญา ที่ 1100/2565 ข้อหา “ฉ้อโกง และ
โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม
ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
4.ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ที่ จ.175/2566 ลง 15 มี.ค.2566 คดีอาญา ที่ 119/2566 ข้อหา “ฉ้อโกง”
5.ศาลจังหวัดศรีสะเกษ ที่ จ.225/2566 ลง 12 ก.ย.2566 ข้อหา “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย มิได้กระทำต่อประชาชน แต่เป็นการกระทำต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง, ฉ้อโกง”
6.ศาลจังหวัดสตูล ที่ จ.56/2566 ลง 14 ก.พ.2566 ข้อหา “ปลอมเอกสาร,ใช้เอกสารปลอม, โดยทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหารับว่าเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับจริง ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ว่าที่ พ.ต.ต.พงศธร รัชตวัชรางกูร สว.กก.3 บก.ป. โทร.092-2588198