จากกรณีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่นจำนวน 7-8 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์หลายคัน ใช้อาวุธปืนบุกเข้าไปยิงนายฉัตรชัย แผ่นทอง อายุ 31 ปี ประกอบอาชีพ ขี่รถรับจ้างในเมืองพัทยา จนถึงแก่ความตาย ส่วนนายกฤษณะ บุญส่ง อายุ 39 ปี ทำงานอยู่ในค่ายมวยแห่งหนึ่ง เพื่อนที่อยู่ด้วยกันถูกด้ามปืน ท่อนไม้และเหล็กกระหน่ำฟาดแบบไม่ยั้งได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดขึ้นที่บ้านพักหลังหนึ่ง ภายในซอย 24 มาบยายเลีย ม.6 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา
ล่าสุด บ่ายวันนี้ 29 ก.พ. ที่ สภ.หนองปรือ นางเย็น โกกะอินทร์ มารดาผู้เสียชีวิต และครอบครัว ได้เดินทางมาให้ปากคำ และติดต่อขอเรื่องขอรับศพผู้ตายไปบำพ็ญกุศลตามพิธีของศาสนา โดยภายหลังมารดา ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว ด้วยสีหน้าเศร้าโศกว่า เธอนั้นมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์ ทำงานอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ได้ทราบข่าวจากเพื่อนของลูกชาย ว่าลูกชายเสียชีวิตเมื่อคืนนี้ เมื่อ 2 วันที่แล้ว ลูกชายเพิ่งจะโทรมาบอกกับเธอว่าได้งานทำ ขับ bolt ที่พัทยา เพื่อช่วยเหลือจุนเจือกับครอบครัวอีกทางหนึ่ง และเธออยากจะถามคนร้ายที่ยิงลูกชายว่าเหตุใดถึงต้องทำกันถึงขนาดนี้
ขณะที่ พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.ภาค2 ในฐานะหัวหน้าทีมชุดสืบสวนสอบสวน เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ร่วมประชุมกับ พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภาค2 และ พ.ต.อ.ทวี กุดแถลง ผกก.สภ.หนองปรือ พร้อมชุดคลี่คลายคดี โดยเปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่คลี่คลายคดีพบว่ามีความคืบหน้าไปพอสมควร สำหรับคนร้ายที่เข้ามาก่อเหตุครั้งนี้มีทั้งหมดจำนวน 9 คน ออกหมายจับแล้วจำนวน 2 คน คือมือยิง นายศิริชัย ขุนเจริญ หรือไบร์อั้น อายุ 30 ปี และนายพิริยพงศ์ น้ำเพชรเจริญพร หรืออู๋ อายุ 30 ปี ฐานความผิด ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันทําร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตราย แก่กายและจิตใจ, มีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองและพาอาวุธปืนไปในทางหมู่บ้านทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต
ส่วนบุคคลที่เหลืออยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับ ส่วนปมก่อเหตุพบแก๊งดังกล่าวน่าจะเกิดความขัดแย้งเรื่องยาเสพติดหลังจากที่กลุ่มผู้ตาย และคนเจ็บแยกตัวออกมาจากแก๊งได้ประมาณ 2 ปี โดยทั้งสองฝ่ายได้มีการโพสต์ท้าทายในเฟซบุ๊กกันอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้แก๊งคนร้ายไม่พอใจบุกเข้ามายิงและทำร้ายดังกล่าว ซึ่งเชื่อว่าการปล่อยครั้งนี้ คนร้ายน่าจะมีอาวุธปืนถึง 2 กระบอกที่ใช้ในการก่อเหตุซึ่งอยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง
เบื้องต้น ได้เรียกหน่วยปฏิบัติการพิเศษบูรพา 491 เข้ามาสมทบเพราะว่าเนื่องจากกลุ่มคนร้ายนั้นเป็นแก๊งที่ค่อนข้างใหญ่ เพื่อเตรียมพร้อมในการเข้าจับและตรวจค้น อย่างไรก็ตาม หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบอีกครั้ง.
