“…ในการขับเคี่ยวกันทางเทคโนโลยี จีนก็ได้พลิกวิกฤตเป็นโอกาส เมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ ใช้วิธีการบล็อกจีนด้วยการกีดกันและทำลายเครือข่ายเทคโนโลยีการสื่อสารของบริษัทหัวเหวย วิกฤตดังกล่าวจุดชนวนรักชาติให้แก่คนจีนทั่วโลกครั้งใหญ่ ตีฝ่าอุปสรรคต่างๆสร้างอุตสาหกรรมผลิตชิปของตนเองขึ้นมา ปิดฉากการพึ่งพาชิปจากตะวันตกอย่างถาวร หัวเหวยได้ขยับขึ้นอีกขั้นหนึ่งด้วยการนำเสนอระบบปฏิบัติการระดับ 5.5G สู่ตลาดโลก ที่จะมีสมรรถนะสูงกว่าระดับ 5G 10 เท่า อีกทั้งวันนี้จีนได้ส่งดาวเทียมทดสอบการทำงานของระบบ 6G ขึ้นสู่วงโคจรแล้ว 2 ดวง เพื่อปูทางให้แก่การพัฒนาระบบเครือข่าย 6G ของบริษัทจีนต่อไป นำหน้าโลกตะวันตกไปไกลหลายช่วงตัว นั่นหมายถึงว่าประเทศต่างๆทั่วโลกจะได้ใช้อุปกรณ์ของจีนที่ทันสมัยและทรงประสิทธิภาพยิ่งกว่า ยกระดับสังคมขึ้นสู่ความเป็นอัจฉริยะสูงขึ้นไปอีก จีนไม่เพียงจะเก่งในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานบนผิวโลกเท่านั้น แต่ยังเก่งในด้านการสร้างโครงสร้างพื้นฐานในอวกาศอีกด้วย…”
เวที 6G 6G平台
มาถึงวันนี้ ผู้เขียนเริ่มเห็นชัดถึงสิ่งที่เคยวินิจฉัยมาเป็นลำดับแล้วว่า จีนกำลังทำหน้าที่นำพาเพื่อนมนุษย์ก้าวไปสู่อนาคต โดยการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหม่ด้วยวิทยาการมิติใหม่ที่แตกต่างไปจากอดีตอย่างสิ้นเชิง ขณะที่สหรัฐฯที่ดิ้นรนสุดกำลังเพื่อขัดขวางการทำหน้าที่ทางประวัติศาสตร์ของจีน ก็จะกลายเป็น “คู่ซ้อม”ของจีนไปโดยปริยาย
มองในภาพรวม จีนอยู่ในฐานะของผู้คุมเกม สามารถใช้ศักยภาพที่เหนือกว่ามากขึ้นเรื่อยๆในแทบทุกด้านปรับแต่งดัดแปลงบรรยากาศเกมการขับเคี่ยวให้ดำเนินไปในทิศทางที่เอื้อต่อการพัฒนาก้าวหน้าของสังคมมนุษย์มากที่สุด ดังที่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงได้ย้ำแล้วย้ำอีกว่า จะต้องพลิกวิกฤตเป็นโอกาสและเห็นโอกาสอยู่ในวิกฤตเสมอ
ในการขับเคี่ยวกันทางเทคโนโลยี จีนก็ได้พลิกวิกฤตเป็นโอกาส เมื่อรัฐบาลสหรัฐฯใช้วิธีการบล็อกจีนด้วยการกีดกันและทำลายเครือข่ายเทคโนโลยีการสื่อสารของบริษัทหัวเหวย ด้วยข้ออ้างต่างๆนาๆ ทั้งยื่นคำขาดให้ประเทศพันธมิตรเช่นอังกฤษ ออสเตรเลีย แคนาดา ญี่ปุ่น เกาหลี เป็นต้นยุติการใช้อุปกรณ์และระบบปฏิบัติการของหัวเหวย เท่านั้นยังไม่พอ หากยังเหิมเกริมถึงขั้นสั่งให้รัฐบาลแคนาดาจับนางเมิ่งหวั่นโจว บุตรสาวของเหรินเจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งบริษัทหัวเหวยเป็นตัวประกัน เพื่อบีบให้หัวเหวยยอมจำนน
วิกฤตดังกล่าวได้จุดชนวนรักชาติให้แก่คนจีนทั่วโลกครั้งใหญ่ รัฐบาลจีนออกหน้ารับมืออย่างเต็มที่ และประสบชัยชนะในที่สุด ทั้งทางด้านการเมืองและทางด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี
ทางด้านการเมือง สหรัฐฯต้องยอมปล่อยตัวนางเมิ่งหวั่นโจว ส่วนทางด้านเทคโนโลยีบริษัทหัวเหวยสามารถพัฒนาระบบการสื่อสารระดับ 5G ได้สำเร็จ กลายเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถต่อยอดสู่ระดับ 6G นำหน้าโลกตะวันตกไปไกลหลายช่วงตัว
อีกทั้งจีนได้ใช้วิกฤตนี้ระดมพลครั้งใหญ่ ตีฝ่าอุปสรรคต่างๆสร้างอุตสาหกรรมผลิตชิปของตนเองขึ้นมา ปิดฉากการพึ่งพาชิปจากตะวันตกอย่างถาวร
มาถึงวันนี้ หัวเหวยก็ได้ขยับขึ้นอีกขั้นหนึ่งด้วยการนำเสนอระบบปฏิบัติการระดับ 5.5G สู่ตลาดโลก ซึ่งระบบที่ตั้งอยู่บนฐาน 5G นี้จะมีสมรรถนะสูงกว่าระดับ 5G 10 เท่า นั่นหมายถึงว่าประเทศต่างทั่วโลก ยกเว้นสหรัฐฯกับพวก จะได้ใช้อุปกรณ์ 5.5G ของจีนที่ทันสมัยและทรงประสิทธิภาพยิ่งกว่า จะสามารถกระตุ้นการพัฒนาทางเศรษฐกิจการเงินและอุตสาหกรรมการผลิตและการบริการการต่างๆอีกมากมาย ยกระดับสังคมขึ้นสู่ความเป็นอัจฉริยะสูงขึ้นไปอีก
ทันทีทันใด สหรัฐฯในฐานนะ “คู่ซ้อม”จึงได้กระวีกระวาดเรียกประชุมประเทศในคาถาหน้าเดิมๆรวม10 ประเทศ วางแผนพัฒนาระบบ 6G แข่งกับจีน แล้วออกแถลงการณ์ขึงขังว่าจะร่วมกันจัดทำมาตรฐาน 6G ของกลุ่มตนขึ้นมาประชันกับมาตรฐานจีนที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานสหประชาชาติมากขึ้นเป็นลำดับแล้ว
จะว่าไปก็น่าเห็นใจพวกเขานะ ที่ทำได้เพียงเป็นคู่ซ้อมของจีน เพราะเพียงแค่พวกเขาประกาศว่า “จะ”ทำเท่านั้น จีนก็ได้ส่งดาวเทียมทดสอบการทำงานของระบบ 6G ขึ้นสู่วงโคจรแล้ว 2 ดวง
เพื่อปูทางให้แก่การพัฒนาระบบเครือข่าย 6G ของบริษัทจีนต่อไป
ตีความได้ว่า จีนไม่เพียงจะเก่งในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานบนผิวโลกเท่านั้น แต่ยังเก่งในด้านการสร้างโครงสร้างพื้นฐานในอวกาศอีกด้วย
ทั้งหมดที่นำเสนอมา เพื่อบอกเพื่อนเราชาวไทยว่า การเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกวันนี้ ไม่ได้เป็นไปตามความต้องการของชาติตะวันตกอีกต่อไป เพราะพวกเขาไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมสำหรับการทำสิ่งดีๆ และไม่เป็นที่ยอมรับของผู้ต้องการความเจริญก้าวหน้าและชีวิตสุขทั่วโลก
ไขคำจีน
平台 ผิงถาย แท่น เวที แพลตฟอร์ม