สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2566 เวลาประมาณ 07.00 น. ผู้เสียหายพบเพจเฟซบุ๊กหนึ่งได้โพสต์ข้อความชักชวนให้ทำงานออนไลน์สร้างรายได้เสริมกดถูกใจหรือติดตาม YouTube และ Lazada เพื่อสร้างรายได้ 1,000 – 3,000 บาทต่อวัน ซึ่งผู้เสียหายมีความสนใจ จึงกดเข้าไปในลิงก์ ซึ่งเป็นการเพิ่มเพื่อนทางไลน์ ที่ทำหน้าที่แจ้งรายละเอียดขั้นตอนการทำงานและค่าคอมมิชชั่นต่างๆ ให้ผู้เสียหายทราบ และส่งลิงก์มาให้ผู้เสียหายลงทะเบียนทำงานออนไลน์ ผู้เสียหายจึงได้กรอกข้อมูลส่วนตัวลงทะเบียนออนไลน์จนสำเร็จ หลังจากนั้นได้แจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงินเพื่อรับค่าคอมมิชชั่นจำนวน 2 ครั้ง ซึ่งได้ค่าคอมมิชชั่นกลับมาจริงๆ
เมื่อผู้เสียหายเห็นว่าได้เงินจริงและสามารถถอนเงินได้จริงจึงได้โอนเงินเข้าระบบเพิ่มอีก จำนวน 7 ครั้ง ซึ่งหลังจากที่ผู้เสียหายโอนเงินเข้าระบบครั้งที่ 3-9 ปรากฏว่าไม่สามารถถอนเงินออกจากระบบได้ โดยคนร้ายอ้างว่าผู้เสียหายไม่บันทึกช่วยจำในสลิปโอนเงินและให้ผู้เสียหาย โอนเงินเพิ่มเข้าระบบเรื่อยๆ หลังเกิดเหตุ เชื่อว่าตนเองถูกคนร้ายหลอกเอาเงินไปรวมจำนวนทั้งสิ้น 439,083 บาท จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.4 บก.สอท.3 เพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 ส่งเจ้าหน้าที่ออกสืบสวนสอบสวน เพื่อหาพยานหลักฐานกวาดล้างจับกุมขบวนการหลอกทำภารกิจผ่านช่องทางออนไลน์
ต่อมา ว่าที่ พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ได้ส่ง
พ.ต.ท.วีระศักดิ์ แก้วเนียม รอง ผกก.ฯ, พ.ต.ท.เลอศักดิ์ พิเชษฐไพบูลย์ และ พ.ต.ต.ธวัช ทุเครือ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3 นำหมายจับเข้าจับกุมตัว น.ส.หทัยรัตน์ฯ อายุ 25 ปี ชาวจังหวัดสมุทรสาคร ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยการแสดงตนเป็นคนอื่น,ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” โดยจับกุมตัวได้ที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 4 ต.ท่าข้าม อ.สามพราน จว.นครปฐม นำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป