วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
หน้าแรกการเมือง    ทั้งโลกต้องใช้ “อำนาจ3มิติ”เป็น “พลัง“ ขับเคลื่อนประเทศจีน อเมริกา “ทำแล้ว” ทำอยู่

Related Posts

    ทั้งโลกต้องใช้ “อำนาจ3มิติ”เป็น “พลัง“ ขับเคลื่อนประเทศจีน อเมริกา “ทำแล้ว” ทำอยู่

“…ซ้อฟต์พาวเวอร์หรือ”อำนาจนุ่ม” ไทยเรามีจุดเด่นสามารถนำมาเป็นจุดขาย มีเสน่ห์มากพอที่จะดึงดูดใจชาวโลกในหลายๆด้านให้เป็นที่ยอมรับของชาวโลก อีกอำนาจหนึ่งที่เราไม่ค่อยจะพูดถึงคืออำนาจแข็งหรือ”ฮาร์ดพาวเวอร์” อันหมายถึงความแข็งแกร่งทางด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมการผลิต การค้า การเงิน การลงทุน การทหาร ตลอดจนความแข็งแกร่งทางด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ฯลฯ ซึ่งสังคมไทยจะไม่ให้ความสนใจมากนัก เนื่องจากเราไม่มีจุดเด่นพอที่จะเอ่ยถึง ยังมีอีกอำนาจหนึ่งที่ก้ำกึ่งระหว่าง”ฮาร์ด”กับ”ซอฟต์”เช่นลัทธิความเชื่อ ระบบระบอบการเมืองการปกครอง  แต่ทว่าแฝงไว้ซึ่งพลังอำนาจเกินตัว โดยเฉพาะเมื่อมันถูกนำไปเชื่อมโยงเข้ากันกับ”ฮาร์ดพาวเวอร์” ก็จะยิ่งส่งเสริมให้อำนาจแข็งแสดงความแข็งแกร่งมากขึ้นเป็นทวีคูณ สังคมโลกโดยรวมกำลังขับเคลื่อนตัวเองไปสู่อนาคตด้วยอำนาจทั้งสามนี้ โดยมีสหรัฐฯกับจีนรับบทบาทเป็นตัวเอก สมควรที่เราจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด และต้องไม่ลืมที่จะพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆในทั้งสามด้านด้วยเช่นกัน…”

อำนาจ3มิติ 3维实力

ระยะนี้เราจะได้ยินการพูดถึงซ้อฟต์พาวเวอร์ถี่มาก รัฐบาลคุณเศรษฐา ทวีสิน มีความมุ่งมั่นจะยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นยุทธศาสตร์การสร้างความเข้มแข็งของชาติ ด้วยเห็นว่าไทยเราโดดเด่นทางด้านวัฒนธรรม ศิลปะการต่อสู้และการแสดง ความสวยงามของธรรมชาติ ตลอดจนนิสัยใจคอคนไทย ฯลฯ สามารถนำมาเป็นจุดขาย ขยายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้ใหญ่โตได้

สรุปได้ความว่า ประเทศไทยเรามีเสน่ห์มากพอที่จะดึงดูดใจชาวโลกในหลายๆด้าน สามารถแสดงศักยภาพของความมี”ซอฟต์พาวเวอร์”หรือ”อำนาจนุ่ม”ให้ปรากฏเป็นที่ยอมรับของชาวโลก

อีกอำนาจหนึ่งที่เราไม่ค่อยจะพูดได้ถนัดปากนักก็คืออำนาจแข็งหรือ “ฮาร์ดพาวเวอร์” อันหมายถึงความแข็งแกร่งทางด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมการผลิต การค้า การเงิน การลงทุน การทหาร ตลอดจนความแข็งแกร่งทางด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ฯลฯ ซึ่งสังคมไทยจะไม่ให้ความสนใจมากนัก

เนื่องจากเราไม่มีจุดเด่นพอที่จะเอ่ยถึง

อย่างไรก็ดี ยังมีอีกอำนาจหนึ่งที่ก้ำกึ่งระหว่าง”ฮาร์ด”กับ”ซอฟต์”เช่นลัทธิความเชื่อ ระบบระบอบการเมืองการปกครอง และนโยบายต่างๆของภาคการเมืองการปกครองซึ่งเป็นสิ่งที่สัมผัสได้จริงรู้สึกได้จริง แต่ไม่ได้เป็นสิ่งรูปธรรม อย่างมากก็เป็นเพียงตัวหนังสือหรืออุปกรณ์สื่อ

แต่ทว่าอำนาจของแนวคิดทฤษฎีและนโยบายต่างๆ เหล่านั้น ต่างแฝงไว้ซึ่งพลังอำนาจเกินตัว โดยเฉพาะเมื่อมันถูกนำไปเชื่อมโยงเข้ากันกับ “ฮาร์ดพาวเวอร์” ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจการค้าการเงินการลงทุนและโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ก็จะยิ่งส่งเสริมให้อำนาจแข็งแสดงความแข็งแกร่งมากขึ้นเป็นทวีคูณ

อำนาจที่สามที่ว่านี้ ขาดคุณสมบัติของความนุ่มมีเสน่ห์ แต่เป็นที่น่าเกรงขามประเทศที่มีอำนาจที่สาม ปัจจุบันที่เด่นๆอยู่ ก็เห็นจะเป็นสหรัฐฯกับจีนเท่านั้น เพราะทั้งสองประเทศนี้มีพลังอำนาจที่หนึ่งและที่สองมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ต่างกันตรงที่สหรัฐฯนิยมใช้เครื่องมือแข็งๆที่ตนมีอยู่ไปบีบบังคับให้รัฐบาลประเทศต่างๆทำตามความต้องการของตัวเองเสมอ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน

ส่วนจีนดูเหมือนจะพยายามใช้ไปในทางสร้างสรรค์มากกว่า ดังกรณีการดึงเอาอิหร่านกับซาอุดีอาระเบียมาคืนดีกัน ประสานเข้ากับการดำเนินนโยบายเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ตลอดจนข้อเสนอ “สร้างประชาคมโลกที่มีอนาคตร่วมกัน” เป็นต้น สามารถดึงดูดประเทศต่างๆมาเข้าร่วมอย่างมากมาย

พอจะสรุปได้ว่า สังคมโลกโดยรวมกำลังขับเคลื่อนตัวเองไปสู่อนาคตด้วยอำนาจทั้งสามนี้ โดยมีสหรัฐฯกับจีนรับบทบาทเป็นตัวเอก การแสดงแนวคิดหรือนโยบายใดๆของพรรคการเมืองใหญ่ๆหรือรัฐบาลของสองประเทศนี้จึงมีความสำตัญอย่างยิ่งต่ออนาคตโดยรวมของคนทั้งโลก

สมควรที่เราจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด และต้องไม่ลืมที่จะพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆในทั้งสามด้านด้วยเช่นกัน

ไขคำจีน


实力 สือลี่ อำนาจ

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts