จ่อเอาผิด จนท.สปก.โคราช
ปล่อยนายทุนสวมสิทธิที่ดิน
ลักลอบปล่อยน้ำเสียลงพื้นที่ 700 ไร่
ที่ปรึกษาธรรมนัสยันฟันไม่เลี้ยง!
“…ที่ปรึกษา รมว.เกษตรฯ ควงทนายปราบโกง ลงตรวจสอบที่ดิน สปก.ที่โดนโรงงานแป้งมันลักลอบปล่อยน้ำเสียลงพื้นที่ สปก.จำนวน 700 ไร่ จนชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เผย พบพื้นที่ สปก.13 แปลงเนื้อที่เกือบ 600 ไร่ ที่ชาวบ้านได้ลงในระบบเอาไว้คือเลี้ยงปลาและเลี้ยงสาหร่าย แต่พอลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่จริงพบว่าไม่เป็นดังที่แจ้งเอาไว้ จ่อเอาผิด เจ้าหน้าที่ สปก.ที่เกี่ยวข้องทุกราย…”
จากกรณี นายกฤษฎา อินทามระ ทนายความเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปปป.แจ้งความเอาผิดเจ้าหน้าที่ สปก.โคราชปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯ ตาม ป.อาญา ม.157 หลังพบว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องในการเอื้อประโยชน์ให้โรงงานแป้งมันปล่อยน้ำเน่าเสียลงบนที่ดิน สปก.นับร้อยไร่จนส่งผลกระทบต่อชาวบ้านรวมทั้งเด็กนักเรียนและพระสงฆ์ต้องอยู่อย่างทรมานจากกลิ่นเน่าของมันสำปะหลัง

ต่อมา เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 22 มี.ค. 67 ที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบหมายให้ นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจสอบการใช้ที่ดิน สปก.ใน จ.นครราชสีมา โดยมี นายอำมริต คงแก้ว รักษาการ สปก.จ.นครราชสีมา เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป./ บก.ปทส.กองบัญชาการสอบสวนกลาง เจ้าหน้าที่ สปก.นครราชสีมา กอ.รมน.จังหวัดฯ อุตสาหกรรมจังหวัดฯ ร่วมประชุมก่อนลงพื้นที่ตรวจสอบการใช้ประโยชน์ทำกินในพื้นที่ สปก.ที่มีการร้องเรียนว่ามีนายทุนรายใหญ่ในจังหวัดนครราชสีมา แอบอ้างสิทธิฯ ทำกิน พร้อมแจ้งความดำเนินคดีขุดดิน ซึ่งเป็นความผิดมูลฐาน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ม.3 (15) ซึ่งเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จะดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดต่อไป โดยจะดำเนินคดีกับนอมีนี 13 รายที่ถือครองแทนนายทุนรายใหญ่

นอกจากนี้มี นายกฤษฎา อินทามระ เจ้าของฉายา ”ทนายปราบโกง“ ผู้รับเรื่องร้องทุกข์จากชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากการลักลอบทิ้งน้ำเสียลงพื้นที่ สปก.จำนวน 700 ไร่ ในเขต ต.หนองบัวศาลา อ.เมือง นครราชสีมา พร้อม นายสมบุญ เต็งผักแว่น ตัวแทนชาวบ้านเข้าร่วมชี้แจงข้อมูลให้ที่ประชุมรับฟังปัญหาน้ำเสียจาการปล่อยน้ำทิ้งของโรงงานแป้งมันฯ จนสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านใกล้เคียง
หลังจากรับฟังบรรยายสรุปจากรักษาการ สปก.จังหวัดฯ เรียบร้อย คณะตรวจสอบทั้งหมดลงพื้นที่จริงดังกล่าว พบว่ามีการใช้ลวดหนามมากันปิดล้อมทางเข้าด้านหน้าซึ่งเดิมเคยปิดแค่ป้ายห้ามเข้าเท่านั้น คณะฯ จึงต้องอ้อมไปเข้าพื้นที่ที่ดิน สปก.ด้านในอีกทางหนึ่งก่อนเดินเท้าสำรวจตรวจสอบโดยใช้เวลานานกว่า 2 ช.ม.
ซึ่งพบว่า มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่จำนวนหลายตัวกำลังแรงม้าสูง ในลักษณะการใช้งานอุตสาหกรรมมากกว่าจะเป็นการใช้งานเพื่อการเกษตร ตามวัตถุประสงค์ของการขออนุญาต สปก.ว่าใช้สำหรับเลี้ยงปลา และทำสาหร่าย
นายธนดล กล่าวภายหลังลงพื้นที่ว่า พื้นที่ สปก.13 แปลงเนื้อที่เกือบ 600 ไร่ที่ชาวบ้านได้ลงในระบบเอาไว้คือเลี้ยงปลาและเลี้ยงสาหร่าย แต่พอลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่จริงพบว่าไม่เป็นดังที่แจ้งเอาไว้ภาพที่เห็นก็น่าจะเป็นน้ำเสียและปลาไม่สามารถอาศัยอยู่ได้แน่นอน ในส่วนผู้ครอบครองทั้ง 13 รายชื่อจะให้ปฏิรูปที่ดินเชิญทั้งหมดมาชี้แจง หากไม่สามารถชี้แจงได้จะเพิกถอนสิทธิ์ออกทั้งหมด ในส่วนที่มีการขุดดินในพื้นที่ใหม่นั้นจะมีการแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ม.3 (15) ในส่วนของเจ้าหน้าที่ สปก.ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดจะต้องมีการแจ้งความดำเนินคดีในข้อหา ตามมาตรา 157 กลับทุกรายที่เกี่ยวข้องในครั้งนี้
“ส่วนของการดำเนินคดีกับโรงงานนั้นจะอยู่กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้การสืบสวนสอบสวนครับพบว่าเชื่อมโยงกระทำความผิดจะดำเนินคดีในส่วนของทาง สปก.จะแจ้งความในข้อหาขุดดินในพื้นที่ทั้ง 2 ข้อหาทุจริตต่อหน้าที่ส่วนตัวเอง ไม่ได้กลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น ตอนนี้จริงจังกับเรื่องดังกล่าวเพราะท่านร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้สั่งการให้ที่ดิน สปก. ต้องมอบให้กับเกษตรกรตัวจริง ไม่ใช่เอื้อประโยชน์ให้กับนักธุรกิจ ในส่วนของเจ้าหน้าที่ สปก.ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ข้อพิพากษ์ที่อำเภอปากช่องนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด และตัวเองจะเป็นคนแจ้งความดำเนินคดีเองทั้งหมด” นายธนดล กล่าว
ด้าน นายกฤษฎา เปิดเผยว่า “ต้องขอบคุณ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องที่ดิน สปก. โดยส่ง นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบการใช้ที่ดิน สปก.ใน จ.นครราชสีมา ตนเห็นการทำงานของที่ปรึกษารัฐมนตรีลงมาพื้นที่แล้วมีความรู้สึกชื่นชมภูมิใจในการทำงาน มั่นใจว่าโรงงานนี้จะไม่ก่อความเดือดร้อนความเสียหายให้กับชาวบ้าน หลังจากลักลอบปล่อยน้ำเสียลงมาแล้วเป็นเวลานาน ชาวบ้านที่แท้จริงจะได้ใช้ทำการเกษตร เพื่อหาเลี้ยงชีพจริงๆ ไม่ใช่นายทุนสวมสิทธิแทน”



























