การสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่าง ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน กับ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ เมื่อวันก่อน ถือเป็นการหารือระหว่างผู้นำทั้งสองเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ได้พบปะกันเมื่อเดือนพ.ย. 2566
การเจรจาดังกล่าวมีขึ้นก่อนที่นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ จะเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งในอีกไม่กี่วัน และนายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ จะเดินทางเยือนในอีกไม่กี่สัปดาห์
นอกจากการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ในด้านการปราบปรามยาเสพติดและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผู้นำทั้งสองยังได้หารือกันเกี่ยวกับสถานการณ์ในทะเลจีนใต้ สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ช่องแคบไต้หวัน สงครามการค้า รวมถึงการบีบบังคับจีนขายติ๊กต๊อกให้สหรัฐ
ในด้านปัญหาช่องแคบไต้หวัน ประธานาธิบดีจีน กล่าวแบบชัดถ้อยชัดคำว่า “เป็นเส้นแดงที่ห้ามสหรัฐล่วงล้ำอธิปไตย และจีนจะไม่อยู่นิ่งหากต้องเผชิญกับกิจกรรมแบ่งแยกดินแดน “เอกราชไต้หวัน” รวมถึงแรงกระตุ้นและการสนับสนุนกิจกรรมดังกล่าวจากภายนอก
สีจิ้นผิง ยังกระตุ้นเตือนประธานาธิบดีไบเดนว่าอย่าลืมคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้ว่า สหรัฐจะไม่สนับสนุน “เอกราชไต้หวัน” ซึ่งควรปฏิบัติให้เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน
ปธน.สีจิ้นผิงยังย้ำภารกิจ 3 ประการเพื่อสร้างสายสัมพันธ์ ‘จีน-สหรัฐ’ ในปี 2024 ว่า หนึ่ง ควรให้คุณค่ากับสันติภาพ เสริมสร้างแนวโน้มเชิงบวกของความสัมพันธ์จีน-สหรัฐ สอง การให้ความสำคัญกับเสถียรภาพ ด้วยการหลีกเลี่ยงการปลุกปั่นเหตุการณ์หรือล้ำเส้นอย่างไม่ชอบธรรม และ สาม การยึดมั่นความน่าเชื่อถือไว้วางใจซึ่งกันและกัน ด้วยการลงมือทำและแปรเปลี่ยน “วิสัยทัศน์ซานฟรานซิสโก” ให้เป็นความจริง
ในด้านปัญหาสงครามการค้า สีจิ้นผิง กล่าวอย่างไม่อ้อมค้อมว่า สหรัฐพยายามดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อกดขี่การพัฒนาทางการค้าและเทคโนโลยีของจีน รวมถึงเพิ่มหน่วยงานของจีนเข้าบัญชีรายชื่อการคว่ำบาตรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่ใช่ “การลดความความเสี่ยง” อย่างที่สหรัฐกล่าวอ้าง แต่เป็นการสร้างความเสี่ยงมากกว่า หากฝ่ายสหรัฐต้องการแสวงหาความร่วมมืออันเป็นประโยชน์ซึ่งกันและกัน และแบ่งปันดอกผลจากการพัฒนาของจีน ทางจีนได้เปิดประตูต้อนรับอยู่เสมอ แต่หากสหรัฐยืนกรานจะจำกัดการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน และลิดรอนสิทธิอันชอบธรรมในการพัฒนาของจีน จีนย่อมจะไม่อยู่นิ่งเฉย
ส่วนความพยายามในการบังคับขายแพล็ตฟอร์มติ๊กต๊อกให้กับสหรัฐ โดยอ้างถึงการปกป้องผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของชาติและความปลอดภัยของข้อมูลของชาวอเมริกันนั้น เป็นการกระทำที่ขาดความชัดเจนและไม่ชอบธรรม
ขณะที่ ปธน.สหรัฐ กล่าวถึงการหยิบยกเรื่องการค้าที่จีนมองว่าไม่เป็นธรรม และเป็นแนวปฏิบัติทางเศรษฐกิจที่ไม่เป็นเสรีว่า สหรัฐจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อป้องกันการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงของตน แต่จะไม่จำกัดการค้าและการลงทุนมากเกินไป ขณะที่แพล็ตฟอร์มติ๊กต๊อกอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลปักกิ่ง ท่ามกลางความนิยมของคนหนุ่มสาวชาวอเมริกัน จึงอาจเป็นช่องทางในการเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อ โดยเมื่อเดือนที่แล้ว สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ มีมติอนุมัติกฎหมายบังคับให้ติ๊กต๊อกยุติความร่วมมือทั้งหมดกับบริษัท ไบต์แดนซ์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ในจีน
การสนทนาทางโทรศัพท์ดังกล่าว ได้รับการจัดการอย่างระมัดระวัง โดยทั้งสหรัฐและจีนได้ออกแถลงการณ์อธิบายว่า เป็นการพูดคุยที่ “ตรงไปตรงมาและสร้างสรรค์”