เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 9 เม.ย.67 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จตุจักร กทม. นายยงยุทธ คชเกร็ง อายุ 47 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.5 ตำบลยกกะบัตร อ.บ้านแพร้ว จ.สมุทรสาคร พร้อมเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระพง จำนวน 19 ราย จากจังหวัดสมุทรสงคราม สมุทสาคร และเพชรบุรี เดินทางเข้าพบพนักงานสอบ กก.1 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.วิลาวัลย์ หรือ กานต์สินี (สงวนนามสกุล) ข้อหาฉ้อโกงเงินค่าปลากระพง หลังจากซื้อปลากระพงไปแล้วไม่โอนเงินค่าปลาตามที่ตกลงกัน
ผู้ใหญ่ยุทธ เปิดเผยว่า วันนี้ตนพาพี่น้องเกษตรกรที่ประกอบอาชีพเพาะเลี้ยงปลากระพงในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม สมุทรสาคร และเพชรบุรี ที่ถูกมิจฉาชีพรายนี้มาติดต่อรับซื้อปลากะพงจากบ่อแล้วไม่จ่ายตังค์โดยมีการจ่ายเช็คล่วงหน้าไว้แต่เมื่อนำเช็คไปขึ้นเงินปรากฏว่าเช็คเด้งเมื่อติดต่อก็ติดต่อไม่ได้ รับทราบจากคนในครอบครัวเขาบอกว่าหนีไปต่างประเทศแล้ว ผู้เสียหาย 19 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 14 ล้านบาท
โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงก่อนปีใหม่มี น.ส.วิลาวัลย์ หรือ กานต์สินี มาติดต่อขอซื้อปลากระพงจากลูกบ่อเลี้ยงปลาของเกษตรกรในพื้นที่ทีละบ่อ ซึ่งในช่วงนั้นปลากระพงขายไม่ค่อยได้ คนที่ซื้อประจำก็ไม่มา พอมี ผู้ซื้อรายใหม่เข้ามาติดต่อ พวกเราเห็นว่าสามารถที่จะมีรายได้จึงยอมขายให้กับมิจฉาชีพรายนี้ไป
โดยครั้งแรกเขาจะสร้างความเชื่อใจให้กับผู้เลี้ยงด้วยการโอนเงินเงินสดมาให้หลังจากพี่ตกลงซื้อปลาในบ่อ กำหนดระยะเวลา 15 วันก็โอนให้ตามที่ตกลงทันที สร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกบ่อแต่ละคน หลังจากนั้นก็วนกลับมาซื้อใหม่อีกครั้งแต่ครั้งที่สองกลับจ่ายเป็นเช็คล่วงหน้าค้ำประกันไว้ แต่เมื่อใกล้ถึงวันที่กำหนดจะขึ้นเงินในเช็คได้ เขาก็จะโทร.ติดต่อกลับมาว่าอย่าเพิ่งไปขึ้นเงินเช็คนะ เดี๋ยวจะโอนเงินค่าปลามาให้ รออยู่หลายวันก็ไม่มีเงินโอนเข้าธนาคารสักที เมื่อเอาเช็คไปขึ้นเงินก็เด้ง ขึ้นเงินไม่ได้ ธนาคารที่ออกเช็คแจ้งว่าปิดบัญชีแล้ว
นอกจากนี้มิจฉาชีพรายนี้ยังไปค้ำประกันค่าอาหารปลา โดยบอกกับเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาว่า ให้ไปเอาอาหารปลาจากบริษัทจำหน่ายอาหารปลามาก่อนได้เลย เดี๋ยวเขาจะไปชำระเงินค่าอาหารปลาให้เอง แต่สุดท้ายก็ไม่ยอมโอนเงินชำระค่าอาหารปลาให้ซึ่งราคาค่าอาหารปลาถุงละ 900 กว่าบาท เวลาเกษตรกรสั่งอาหารปลาครั้งละคันรถจำนวนนับ 100-200 ลูก ทำให้เกษตรกรแต่ละคนเป็นหนี้บริษัทอาหารปลาอีกหลายแสนบาท
ทำให้ทุกคนเดือดร้อนเพราะเงินที่เขาโกงไปต้นทุนพวกเราก็ไม่รู้จะไปปรึกษาใครที่ไหนจึงต้องมาพึ่งพาขอให้ตำรวจกองปราบปรามช่วยตามจับมิจฉาชีพรายนี้ด้วย
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบถามผู้เสียหายแล้ว ก่อนแนะนำไปพบพนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุของแต่ละราย ให้แจ้งดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้ตามกฏหมายต่อไป