รัสเซียโจมตีเมืองลวีฟ ติดกับโปแลนด์ ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯโจ ไบเดิน เดินทางเยือนโปแลนด์ ผู้นำสหรัฐฯปราศรัยซัด “ปูติน”ผู้นำรัสเซีย ชี้ควรสละเก้าอี้
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ.2565 มีรายงานว่า กองทัพรัสเซีย ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ถล่มเมืองลวีฟ ทางตะวันตกของยูเครน ซึ่งมีพรมแดนติดกับโปแลนด์ ในระหว่างที่ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ไปเยือนโปแลนด์ เมื่อวานนี้เพื่อร่วมหารือวิกฤติรัสเซีย-ยูเครน กับผู้นำโปแลนด์ รวมทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและกลาโหม ของยูเครน แบบตัวต่อตัว เป็นครั้งแรก
มีรายงานเกิดเสียงระเบิดดังกึกก้องหลายครั้งในเมืองลวีฟ ทางตะวันตกของยูเครน ซึ่งมีพรมแดนติดกับโปแลนด์ 60 กิโลเมตร ผู้ว่าการฯเมืองลวีฟ ออกมายืนยันว่าเป็นการโจมตีทางอากาศของกองทัพรัสเซีย ซึ่งยิงจรวดอย่างน้อย 4ลูก โจมตีพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งคลังเก็บน้ำมันและโรงงาน
ทำให้เกิดเพลิงไหม้และกลุ่มควันขนาดใหญ่ มองเห็นได้ในระยะไกล และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุโจมตี นี้รวม 5 คน
เมืองลวีฟเป็นจุดหมายหลักที่ชาวยูเครนต้องการอพยพหนีภัยสงครามออกนอกประเทศ เนื่องจากมีพรมแดนติดกับโปแลนด์ ที่ผ่านมาไม่ได้ถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงเท่ากับพื้นที่ทางฝั่งตะวันออกของยูเคยรน โดยสำนักข่าวต่างประเทศเผยภาพชาวยูเครนจำนวนมากต่างแตกตื่นวิ่งหาที่หลบภัยในชั้นใต้ดิน ท่ามกลางเสียงไซเรนเตือนภัยการโจมตีทางอากาศ ดังไปทั่วเมือง
การโจมตีทางอากาศในเมืองลวีฟ เมื่อวาน เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ เดินทางเยือนโปแลนด์ รวมทั้งการเข้าพบประธานาธิบดี อันด์แชย์ ดูดา ของโปแลนด์ เพื่อหารือเกี่ยวกับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่อชาวยูเครน
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีไบเดน ยังได้ร่วมโต๊ะหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศและรัฐมนตรีกลาโหมของยูเครน แบบตัวต่อตัว ที่กรุงวอร์ซอ อีกด้วย โดยไบเดนได้ให้คำมั่น่าจะให้ความช่วยเหลือทางทหารเพิ่ม แต่ไม่ได้ระบุรายละเอียด โดยนายไบเดน กล่าวปราศรัยในกรุงวอร์ซอ ระบุว่า ยุโรปจะต้องเข้มแข็ง เพื่อต่อสู้กับการรุกรานของรัสเซียที่ยาวนาน พร้อมกันนี้ ยังได้โจมตีประธานาธิบดีปูติน ผู้นำรัสเซียอย่างดุเดือด ว่า ปูตินไม่สามารถอยู่ในอำนาจได้อีกต่อไป ควรจะลงจากตำแหน่ง
ด้านทำเนียบเครมลิน ของรัสเซีย ไม่นิ่งเฉยต่อการแสดงความเห็นของไบเดน โดยแถลงสวนกลับว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ไบเดนต้องมาตัดสินใจ แต่เป็นเรื่องของชาวรัสเซีย ที่จะเลือกประธานาธิบดีของพวกเขาเอง
สำหรับสถานการณ์การสู้รบในเมืองอื่นๆของยูเครน กองทัพรัสเซียเข้าควบคุมพื้นที่ในเมืองสลาวูทิชซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยหลักของบุคลากรหลายร้อยคน ซึ่งจำเป็นต้องปฏิบัติงานอยู่ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล ท่ามกลางความวิตกกังวลถึงความปลอดภัย ของเจ้าหน้าที่ดังกล่าว
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ได้ออกแถลงการณ์เมื่อคืน เรียกร้องและกดดัน ชาติยุโรปและสหรัฐฯ ให้ส่งเครื่องบินรบและระบบป้องกันขีปนาวุธ และอาวุธยุทโธปกรณ์อื่นๆ เพิ่มเติม ให้กับยูเครน โดยระบุว่า ยูเครน ไม่สามารถปกป้องตนเองจากขีปนาวุธ โดยไม่มีอาวุธที่เหมาะสมจะรับมือได้