สืบเนื่องจากผู้เสียหายได้รับข้อความแจ้งเตือนจากไลน์ชื่อ “บริษัทเเมส พาวเวอร์ช้อป จำกัด” ชักชวนร่วมทำกิจกรรมเพื่อรับเงินรางวัล จากนั้นจึงกดเข้าไปดูเเละร่วมทำกิจกรรม โดยมีการหลอกให้โอนเงินลงทุนไปก่อน เพื่อจะได้รับผลตอบเเทนสูง ผู้กล่าวหาได้โอนเงินไปในครั้งเเรกเเละได้ผลกำไรจริง ผู้เสียหายหลงเชื่อเเละโอนเงินร่วมทำกิจกรรมเพิ่มในจำนวนมากที่ขึ้น แต่ไม่สามารถถอนเงินกลับมาได้ โดยเเอดมินบริษัทดังกล่าวเเจ้งว่า ต้องชำระค่าภาษีก่อนจึงจะทำรายการถอนได้ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อเเละโอนเงินไปอีก โอนเงินไปทั้งสิ้น จำนวน 54,149 บาท ต่อมาจึงทราบว่าโดนหลอก จึงได้ร้องทุกข์เเละเอาผิดกับคนร้ายเเละบริษัทดังกล่าว จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3, พ.ต.อ.คัมภีร์ พรหมสนธิ รอง ผบก.สอท.3 เร่งรัดปราบปรามจับกุมขบวนการดังกล่าว เพื่อลดความเดือดร้อนให้กับประชาขนจากการสูญเสียทรัพย์สินและตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ต่อมา กก.4 บก.สอท.3 นำโดย พ.ต.อ.อรุณณพันธ์ วานิช์ชานันท์ ผกก.4 บก.สอท.3, พ.ต.ท.วริศพันธ์ เขมสิริเมธีกุล รอง ผกก.4 บก.สอท.3, พ.ต.ท.วินัย สุโขพืช รอง ผกก.4 บก.สอท.3, พ.ต.ท.ภูวสิษฐ์ เจริญธนะฐิติโชค รอง ผกก.4 บก.สอท.3, พ.ต.ท.อโนทัย ดียิ่ง สว.กก.4 บก.สอท.3 และ พ.ต.ต.รุ่งเรือง มีสติ สว.กก.4 บก.สอท.3 ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายพนมฯ อายุ 26 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ 258/2567 ลงวันที่ 10 เมษายน 2567 จึงทำการวางแผนเข้าจับกุมจนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้บริเวณเล้าไก่ไม่มีเลขที่ ในเขตเทศบาลโคกสำโรง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นบริเวณบ้านพักของผู้ต้องหา
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงข้อหา ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ร่วมกันฟอกเงิน” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป