“…พินิจ ปลื้ม สินค้าเกษตรได้ราคา ชี้ จับคู่โต๊ะกลมธุรกิจไทย-จีน เพิ่มศักยภาพลงทุน การจัดงานสัมนาประชุมในครั้งนี้ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ทำให้ ไทย-จีน มีความแข็งแกร่ง ความเป็นพี่น้องจะแน่นแฟ้นกันยิ่งขึ้น เราต้องยอมรับว่าประเทศจีนนั้นพัฒนาประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ เร็ว มั่นคง และแข็งแกร่ง ต้องขอแสดงความยินดีกับคนจีน ประเทศจีนที่วันนี้แก้ไขปัญหาความยากจนอย่างสิ้นเชิง สุดท้ายผมขอต่อต้านผู้นำไต้หวันคนใหม่ที่ประกาศจะแยกประเทศ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เป็นการพูดแบบเพ้อฝันที่สุด ไต้หวันเป็นดินแดน เป็นมณฆล เป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศจีน จะแยกตัวเป็นประเทศได้อย่างไร..”
พินิจ ปลื้ม สินค้าเกษตรได้ราคา “ ชี้ “ จับคู่โต๊ะกลมธุรกิจไทย-จีน เพิ่มศักยภาพลงทุน
จีน เป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทยอย่างมากเพราะถือเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยมาตลอด 12 ปี มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับจีนสูงถึง 105,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯหรือคิด 18% ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของไทย
ล่าสุดภาครัฐและเอกชนของไทยเปิดการประชุมเพื่อเชิญชวนนักธุรกิจจีนเข้าร่วมลงทุนในไทยและขยายการค้าการลงทุนของทั้ง 2 ประเทศเพิ่มมากขึ้นโดยหวังใช้ประโยชน์จากข้อตกลง RCEP ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ภูมิธรรม เวชยชัย เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม RCEP Business Opportunities Matchmaking (จีน-ไทย) หวังดึงนักธุรกิจจีนกว่า 140 ราย ใน 10 สาขา จาก 60 สมาคม มาลงทุนในไทย
นายพินิจ จารุสมบัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานสภาวัฒนธรรมไทย-จีน และส่งเสริมความสัมพันธ์ นายอู๋ จื้ออู่ อัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย Mr.Xu Ningning, Chairman of RCEP Industry Cooperation Committee (RICC) นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ผู้บริหารภาครัฐและภาคเอกชนของไทยกว่า 300 คนร่วมด้วย
โดยเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่ ห้องประชุม Ballroom 1-3 โรงแรมแชงกรี-ลา เขตบางรัก กรุงเทพฯ สภาวัฒนธรรมไทย-จีนและส่งเสริมความสัมพันธ์ ร่วมกับหน่วยงานสนับสนุนการพัฒนาความยั่งยืนทางธุรกิจของไทย- จีนได้จัดการประชุม RCEP Business Opportunities Matchmaking (ไทย-จีน) ครั้งที่ 1 โดยวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการดำเนินการตามฉันทามติที่บรรลุโดยผู้นำและรัฐบาลของทั้งสองประเทศ จับโอกาสใหม่ที่เกิดจากการเปิดการค้าเสรีในภูมิภาค ภายใต้ RCEP ร่วมกัน เสริมสร้างความร่วมมือในการพัฒนาโอกาสทางธุรกิจใหม่ และส่งเสริมความร่วมมือทางการค้าและการ ลงทุนระหว่างไทยและจีน โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน
นายพินิจ จารุสมบัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานสภาวัฒนธรรมไทย-จีนและส่งเสริมความสัมพันธ์ กล่าวบนเวทีในตอนหนึ่งว่า เมื่อพูดถึงไทยกับจีนตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน การค้าขายมีการพัฒนาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่โลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง เกิดสงครามความขัดแย้งทางด้านความมั่นคง รวมถึงการค้า และการลงทุนที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
“ความขัดแย้งนี้กระทบไปถึงนานาชาติ และประเทศไทยเราก็ได้ผลกระทบในเรื่องความขัดแย้งของสงครามจากต่างชาติเช่นเดียวกัน แต่โชคดีที่ประเทศไทยและจีน มีความสัมพันธ์ในลักษณะพิเศษ คือ เป็นครอบครัวเดียวกันเป็นเงื่อนไข มีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงที่ทำให้ไทยกับจีนมีความร่วมมือในเกือบทุกมิติ โดยเฉพาะด้านการค้า พัฒนาก้าวหน้าไปอย่างมาก” นายพินิจกล่าว
นายพินิจ กล่าวว่า 4 เดือนแรกของปีนี้ ไทยส่งออก 97,000 กว่าล้านบาท นำเข้า 100,390 ล้านบาท ในจำนวนนี้ เราขาดดุลการค้าราว 6,000 กว่าล้านบาท การขาดดุลในครั้งนี้ เราขาดดุลให้จีนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งการที่ไทยขาดดุลในสินค้าต้นทุน แสดงว่าไทยยังมีศักยภาพ มีขีดความสามารถในการพัฒนาอุตสาหกรรมมาก
“ผมดีใจที่ในปีนี้สินค้าการเกษตรมีราคา วันนี้ชาวนาทำนา ไร่หนึ่งมีกำไรอยู่ที่ 3,000-4,000 บาท สินค้าการเกษตรในช่วงนี้ได้ราคา การส่งออก 4 เดือนแรก สินค้าการเกษตรมีมูลค่ามากกว่าสินค้าอุตสาหกรรม แต่ในส่วนสินค้าอุตสาหกรรมเราเสียเปรียบประเทศจีน ได้แก่ ยานยนต์ รถ EV”
นายพินิจ กล่าวว่า ที่ผ่านมาไทยและจีนมีการประชุมในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง ได้สร้างคุณค่า สร้างมิตรภาพ สร้างสรรค์สิ่งต่างๆ มามากมาย
“การจับคู่ในวันนี้ ก็จะเพิ่มดุลการค้า การลงทุน เพิ่มศักยภาพ ขีดความสามารถของประเทศไทย กับ จีน ในการเพิ่มพูนซึ่งไม่ใช่ตัวเลขอย่างเดียว แต่เราควรเพิ่มพูนในเรื่องของคุณภาพ ศักยภาพ เพิ่มพูนขีดความสามารถในการแข่งขันในประเทศไทยให้สูงขึ้น
ในอาเซียน ไทยถือเป็นประเทศที่แข่งแกร่ง มีศักยภาพ มีขีดความสามารถ มีสิ่งอำนวยความสะดวก และคุณประโยชน์ให้นักลงทุนต่างประเทศเป็นจำนวนมาก” นายพินิจกล่าว
นายพินิจ กล่าวด้วยว่า ตนขอพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า ในบรรดาคนจีนที่มาลงทุนค้าขาย คนจีนที่ดีมีเยอะ เรานับถือ แต่คนจีนที่ไม่ทำตามกฏหมายของไทยก็มีเยอะ จีนเทาก็มีเยอะ ล้วนแต่สร้างปัญหาให้ประเทศไทย ในส่วนนักธุรกิจไทยพ่อค้าไทยที่ดีเยอะมาก ก็ต้องขอยกย่อง แต่นักธุรกิจไทยพ่อค้าไทยที่เอาแต่ได้ ไม่มีคุณธรรม ไม่มีความรับผิดชอบก็มีเยอะเช่นเดียวกัน สภาวัฒนธรรมไทย-จีนและส่งเสริมความสัมพันธ์ รับหลายเรื่องจากคนจีนที่มีปัญหาในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น ปัญหากับพ่อค้าไทย ปัญหาไม่รู้กฎหมาย หรือการไม่ปฎิบัติตามกฎหมายไทยทำให้เกิดความเสียหาย
“พูดแบบตรงไปตรงมา ในฐานะที่เราเป็นครอบครัวเดียวกัน การจัดงานสัมนาประชุมในครั้งนี้ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ทำให้ ไทย-จีน มีความแข็งแกร่ง ความเป็นพี่น้องจะแน่นแฟ้นกันยิ่งขึ้น
เราต้องยอมรับว่าประเทศจีนนั้นพัฒนาประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ เร็ว มั่นคง และแข็งแกร่ง ต้องขอแสดงความยินดีกับคนจีน ประเทศจีนที่วันนี้แก้ไขปัญหาความยากจนอย่างสิ้นเชิง” นายพินิจ กล่าว
นายพินิจ กล่าวอีกว่า ในส่วนความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย จีน อเมริกากับนาโต ซึ่งจะมีผลกับการค้าการลงทุน มีผลต่อธุรกิจของท่าน โดยอาจเป็นผลกระทบทางบวกหรือลบก็ตาม นี่คือการเปลี่ยนแปลงของโลก และโลกจะเปลี่ยนแปลงไปมากกว่านี้ ภายใต้นวัตกรรมชั้นสูง ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องติดตามสถานการณ์
“ไม่ใช่เพราะผมมีเชื้อสายจีน หรือมีญาติพี่น้องเป็นคนจีน ถ้าจีนทำไม่ดีผมก็ไม่เอาด้วย แต่ถ้าจีนทำดี ทำแล้วประเทศเจริญ ประชาชนรุ่งเรือง 1,400 ล้านคนอยู่ดีมีสุข ผมก็สนับสนุนประเทศจีน
สุดท้ายผมขอต่อต้านผู้นำไต้หวันคนใหม่ที่ประกาศจะแยกประเทศ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เป็นการพูดแบบเพ้อฝันที่สุด ไต้หวันเป็นดินแดน เป็นมณฆล เป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศจีน จะแยกตัวเป็นประเทศได้อย่างไร” นายพินิจ กล่าวทิ้งท้าย
#สืบจากข่าว รายงาน