วนมาเป็นสนามสุดท้ายของ การรณรงค์กล่าวหาตรวจสอบกรรมการ ปปช. ในภาคเหนือเป็นภาคสุดท้าย หลังจากที่ไปตระเวนภาคใต้ภาคตะวันออกและภาคอีสานมาครบแล้ว
ล่าสุดวันนี้ได้เดินทางมาที่จังหวัดเชียงใหม่ ภัตตาคารตูลู่ เพื่อพบกับประชาชนชาวภาคเหนือ ซึ่งวันนี้มารวมตัวกันทั้งให้กำลังใจและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ ที่มีการระดมรายชื่อจากประชาชนให้มากกว่า 20,000 รายชื่อเพื่อกล่าวหาตรวจสอบกรรมการ ปปช ที่มีเหตุต้องสงสัยว่าทุจริตต่อหน้าที่
ทั้งนี้ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล ได้กล่าวขอบคุณประชาชนจากทั่วทุกภาคที่ได้ร่วมลง รายชื่อ ทำให้วันนี้ยอดผู้ลงรายชื่อมีกว่า 20,000 รายแล้ว ซึ่งตรงตามวัตถุประสงค์ แต่เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และผ่าน การตรวจสอบคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ซึ่งรัฐสภาจะต้องมีการตรวจสอบผู้ลงรายชื่อซ้ำ จึงต้องการให้ประชาชนร่วมลงชื่อให้ได้ 30,000 คน
ทั้งนี้จากสถิติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ผ่านมาพบว่ามีประชาชนมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 75% ของประชากรทั้งประเทศดังนั้นหากจะให้ประชาชนที่ลงรายชื่อทั้งหมด ผ่านไปจนถึงมือประธานรัฐสภาจึงจำเป็นที่จะต้องมีรายชื่อประชาชนมากกว่า 28,000 คน
ดังนั้นจึงอยากให้พี่น้องประชาชนมาร่วมกันลงชื่อเพื่อทำโครงการนี้ให้ประสบความสำเร็จเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญปี 2560
ซึ่งตามเป้าหมายแล้ว อยากจะยื่นให้ได้ภายในกลางเดือนที่จะถึงนี้ ก่อนที่จะมีการเปิดประชุมรัฐสภาในต้นเดือนหน้า เพื่อให้เจ้าหน้าที่ มีเวลาในการตรวจสอบรายชื่อทั้งหมดที่จะยื่นไปถึงว่ามีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขหรือไม่
และในช่วงบ่ายวันนี้ก็จะเดินทางไปที่ห้างสรรพสินค้า แห่งเดียวในจังหวัดลำปาง เพื่อพบปะกับพี่น้องชาวลำปางและจังหวัดใกล้เคียง ที่เดินทางมารอต้อนรับ และผูกข้อมือเป็นกำลังใจ หรือที่ชาวเหนือเรียกว่าการรับขวัญ ก่อนที่จะมีการมอบดอกไม้ และของที่ระลึก ซึ่งชาวบ้านต่างพากันเตรียมมามอบให้กับบิ๊กโจ๊ก เป็นกำลังใจให้ต่อสู้กับความอยุติธรรม และกลับมาทำหน้าที่ประชาชน เหมือนที่เคยทำผลงานไว้ในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการปราบปรามทุนสีเทา การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การปราบปรามหนี้นอกระบบ รวมไปถึงการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ซึ่งล้วนเป็นภัยคุกคามต่อสวัสดิภาพของประชาชน
พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ให้คำหมั้นกลับประชาชนว่า หากมีโอกาสได้กลับมาทำหน้าที่ ก็จะเดินหน้าทำให้เต็มที่ ให้สมกับที่ประชาชนไว้ใจและศรัทธา
ส่วนกระบวนการเรียกร้องความเป็นธรรมเกี่ยวกับการให้ออกจากราชการ ที่ลงนามโดยรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินั้น จะได้รับความเป็นธรรมอย่างแน่นอน หลังจากกฤษฎีกา ตีความตามข้อกฎหมาย หน่วยชี้ให้เห็นว่า การมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนนั้นขัดต่อหลักกฏหมายอย่างไร