เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 6 มิ.ย.67 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ พร้อม นายณัฐปกรณ์ สุดชา ทนายความ พา นางรัชนี อยู่แสง อายุ 58 ปี พร้อมลูกสาว เข้าพบ พ.ต.ท. วิสูตร บุญยังมาก. สว.(สอบสวน) กก.2.บก.ป.ร้องขอความช่วยเหลือกรณีที่ โดนนายห่าน อายุ 40 ปี ลูกชาย ยึดบ้านและรถยนต์ไปครอบครองเป็นของตัวเอง ซึ่งตนต้องการบ้านหลังนั้นเพื่อที่จะไปขาย เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
นางรัชนี ผู่เป๋นแม่ เปิดเผยว่า ตนได้อนุญาตให้นายห่าน ลูกชายที่เกิดกับสามีเก่า ได้อยู่อาศัยบ้านทาวเฮ้าส์ ที่ อ.เมือง จ.นครนายก ของตนชั่วคราว เพราะสงสาร ลูกชายกับลูกสะใภ้ ค่อนข้างลำบาก ช่วยเหลือทุกอย่าง ตนและลูกสาวที่เกิดกับสามีใหม่ ยอมช่วยเหลือให้คำปรึกษาทุกอย่าง และลงทุนให้เปิดร้านชานมไข่มุกเจ้าดังประจำจังหวัดนครนายก จนมีแฟรนไซส์ ถึง 20 สาขาทั่วจังหวัดนครนายก ซึ่งมาวันนี้ ตนลำบาก เงินจะใช้ดำรงชีวิตก็ยังไม่พอ จึงคิดอยากจะขายบ้านหลังที่ลูกชายพักอาศัยอยู่ชั่วคราว แล้วให้เขาไปซื้อบ้านหลังใหม่อยู่เนื่องจากตอนนี้เขาค่อนข้างที่จะมีฐานะร่ำรวยแล้ว ตนจึงได้ไปพูดคุย ว่าอยากจะขายบ้านหลังนี้ เพราะไม่มีเงินมาใช้ คุยครั้งแรกลูกชายก็ตกลงเหมือนจะคุยกันไปได้ด้วยดี แต่พอวันที่คนจะมาซื้อบ้านต่อ ได้มาดูบ้าน ลูกชายกลับเปลี่ยนใจ และไปข่มขู่คนที่จะมาซื้อบ้าน จนตอนนี้ไม่มีใครที่กล้าจะมาซื้อบ้านหลังนี้แล้ว พอตนไปพูดคุยเจรจา กลับโดนข่มขู่ ว่าจะฆ่าตน กับลูกสาว จึงทำให้ตนหวาดกลัวและหวาดระแวง จนต้องหนีมาอยู่ที่อื่น ไม่กล้าที่ จะกลับไปที่บ้านที่นครนายกอีก
อีกประเด็น คือตนเคยซื้อรถยนต์ ซูซูกิ สวีป เพื่อที่จะมาหัดขับ แต่บ้านหลังที่ตนอาศัยอยู่ ไม่มีพื้นที่ในการจอดรถ ตนจึงไปฝากจอดที่บ้าน ที่นายห่านลูกชายพักอาศัยอยู่ แต่พอวันที่ตนจะเอารถคืน ลูกชายกลับไม่ให้คืน ยึดครอบครองไว้ ทั้งที่รถคันดังกล่าวยังเป็นชื่อตนอยู่ ตนพยายามขอคืน แต่ลูกชายก็ข่มขู่ ทั้งยังท้าอีกว่าให้ไปฟ้องศาลเอา
ซึ่งตอนนี้ ตนไม่เหลืออะไรแล้ว โดนยึดทั้งบ้าน ยึดทั้งรถ แล้วยังต้องมาหนีออกจากบ้านที่พักอาศัยอยู่ ซึ่งตนได้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองนครนายกไว้เป็นหลักฐาน ส่วนเรื่องนายห่านโทร.ข่มขู่จะทำร้ายตนและน้องสาวแล้วนั้นได้ไปแจ้งความ สภ.ประตูน้ำจุฬาฯ ไว้แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าเป็นเพียงแค่การข่มขู่ยังไม่เกิดเหตุ จึงขอลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน ซึ่งตนก็รู้สึกว่ายังไม่มีความคืบหน้าอะไร จึงมาร้องขอความช่วยเหลือให้จ่าคิงส์ ช่วยเหลือ
ด้านนายเจส ณัฐปกรณ์ ทนายความ กล่าวว่า ในส่วนของข้อกฎหมาย ความผิดทางลูกชายคือผิดกฎหมายอาญา ความผิดทางด้านของการข่มขู่ คุกคาม ความผิดอาญา มาตรา 392 ทำให้หวาดกลัว และหวาดระแวง และเวลาแม่ กับน้องสาวไปโพสต์ขายบ้านทางเพซบุ๊ก นายห่านลูกชายก็จะไปคอมเม้นท์ให้เสียหาย บอกว่าแม่เป็นโรคประสาทและเป็นบ้า รักษามาแล้ว 10 ปี กินยาก็ไม่หาย เพื่อให้คนที่จะมาซื้อบ้านเข้าใจผิดว่าแม่โพสต์ด้วยความที่จิตไม่ปกติ และข่มขู่แม้กระทั่งคนที่จะไปซื้อบ้าน ซึ่งกรณีนี้ถึงแม้จะยังไม่เกิดเหตุ แต่ก็มองว่าควรหาทางป้องกันไว้ดีกว่า ให้เกิดเหตุก่อน และประเด็นเรื่องที่ยึดครองรถของคุณแม่ไปโดยที่รถยังเป็นชื่อของคุณแม่อยู่ก็จะเป็นความผิดในฐานของการลักทรัพย์
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนรับแจ้งความสอบปากคำผู้ร้องก่อนประสาน สภ.ท้องที่ให้ความช่วยเหลือตามกฎหมายต่อไป