วันพุธ, ธันวาคม 4, 2024
หน้าแรกสืบเศรษฐกิจพลังงานไหนว่าเอื้อทุนพลังงานแต่ราคาหุ้นไฟฟ้าร่วงกราว

Related Posts

ไหนว่าเอื้อทุนพลังงานแต่ราคาหุ้นไฟฟ้าร่วงกราว

“….หากข้อมูลโพลล์สำรวจความเห็นที่ว่าเป็นจริงก็ให้น่าคิดว่า แล้วเหตุใด หุ้นโรงไฟฟ้าที่เคยเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงจากนักลงทุนในตลาดกลับไหลรูดราคาทรุดฮวบทั้งกระดาน โดยราคาหุ้นพลังานโดยเฉพาะในกลุ่มโรงไฟฟ้าถูกเทขายออกมาอย่างต่อเนื่องและราคาทรุดฮวบลงอย่างเห็นได้ชัด ถึงต้องย้อนกลับไปถามที่มาของโพลล์เหล่านั้นว่าได้ลงลึกไปถึง “เนื้อแท้” ของแผนพัฒนาพลังงานของประเทศหรือไม่ หรือแค่วิเคราะห์อย่างฉาบฉวย เพียงเพื่อหวังจะโหวยหาแสงและ “เวทียืน” ให้กับตัวเองเท่านั้น..”

PDP2024  กระต่ายตื่นตูม?

ไหนว่าเอื้อทุนพลังงานแต่ราคาหุ้นไฟฟ้าร่วงกราว

หากแผน PDP2024 และ AEDP เอื้อประโยชน์เข้าทางยักษ์พลังงานแล้ว เหตุใดราคาหุ้นผู้ผลิตไฟฟ้าทั้งหลายถึงได้ไหลรูดกระเจิดกระเจิงไปได้

หลังจากถนนทุกสายในแวดวงพลังงานพากันลุ้นกันอย่างใจจดใจจ่อถึงทิศทางพลังงานของประเทศ โดยเฉพาะแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ พ.ศ.2567-2580 หรือแผน PDP 2024 และแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก AEDP ที่นัยว่าจะพลิกโฉมหน้าไปจากอดีตโดยสิ้นเชิง!

ด้วยเหตุที่มีการจุดพลุให้ข้อมูลถึงทิศทางการผลิตไฟฟ้าภายใต้แผนดังกล่าว จะเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกทั้งโซล่าเซลล์ พลังงานลม และไฟฟ้าชีวมวลขึ้นไปถึง 50% ของกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมของประเทศ จากแผน PDP2018 เดิมที่กำหนดไว้เพียง 20% เท่านั้น

ทำให้มีการจุดพลุไปถึงทิศทางการผลิตไฟฟ้าภายใต้แผน PDP2024 ที่ว่านี้ว่ามุ่งเอื้อให้กลุ่มทุนพลังงานหรือไม่ บทบาทของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ (กฟผ.) ที่ถือเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าภาครัฐจะถูกลอยแพหรือไม่ ยังคงจะเป็นกลไกลขับเคลื่อนเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศอยู่หรือไม่?

ล่าสุด! ภายหลังการการเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนต่อร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า PDP 2024 และร่างแผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. 2567-2580 (Gas Plan 2024) เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ที่ผ่านมา สื่อออนไลน์ในสายพลังงานบางแห่งรีบออกมาตีปี๊บถึงแผน PDP2024 ที่ว่านี้ โดยระบุว่าแผนพัฒนาไฟฟ้า PDP2024 (ปี 2567-2580) ที่มีการ พยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของประเทศในปี 2580 อยู่ที่ 56,133 เมกะวัตต์ แต่ช่วงปลายแผนได้เพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาไว้สูงถึง 112,391 เมกะวัตต์ จำเป็นต้องมีการจัดหาไฟฟ้าใหม่เข้ามาถึง 77,407 เมกะวัตต์แบ่งเป็นการผลิตไฟฟ้าใหม่ 47,251 เมกะวัตต์ในจำนวนนี้ได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 34,851 เมกะวัตต์

พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าแผน PDP2024 ได้ลดทอนทบาทของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ (กฟผ.)ในการผลิตไฟฟ้าลงอย่างมีนัยสำคัญ เพราะ กฟผ. มีโอกาสลงทุนเพียงโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบทุ่นลอยน้ำขนาด 2,681 เมกะวัตต์เท่านั้น

ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนหลักๆ จะมาจากการเปิดให้เอกชนเข้ามาลงทุน โดยแบ่งเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ 24,412 เมกะวัตต์ ,พลังงานลม 5,345 เมกะวัตต์ ,ชีวมวล 1,045 เมกะวัตต์ ,ก๊าซชีวภาพ 936 เมกะวัตต์ ,ขยะอุตสาหกรรม 12 เมกะวัตต์ ,ขยะชุมชน 300 เมกะวัตต์ ,พลังน้ำขนาดเล็ก 99 เมกะวัตต์ และความร้อนใต้พิภพ 21 เมกะวัตต์

ที่สำคัญในแผน PDP2024  ภาครัฐมีนโยบายขับเคลื่อนไปสู่ Net Zero ในปี ค.ศ.2065 แต่กลับให้เอกชนเข้ามาลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติมากเกินไป ทำให้ช่วงปลายแผนปี 2580 มีสัดส่วนสูงถึง 41% พลังงานสะอาด 51% และค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.8704 บาทต่อหน่วยต่ำกว่าแผน PDP2018 (ปรับปรุงครั้งที่ 1) ที่ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่3.9479 บาทต่อหน่วย

มีการจัดทำโพลล์สำรวจความเห็นผู้เกี่ยวข้องและประชาชนที่มีส่วนรับรู้แผน PDPที่ว่านี้ก่อนจะสรุปผลสำรวจที่ได้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่ได้แสดงความห่วงใยต่อ “ความมั่นคงด้านไฟฟ้า”ของประเทศที่มองว่าเอื้อให้เอกชนลงทุนโรงไฟฟ้ามากเกินไป และมีการลดทอนบทบาทของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ(กฟผ.) ในการผลิตไฟฟ้าลงจนช่วงปลายแผนนั้นกฟผ.มีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าเหลืออยู่เพียง 17% ของกำลังผลิตรวมเท่านั้น

หากข้อมูลโพลล์สำรวจความเห็นที่ว่าเป็นจริงก็ให้น่าคิดว่า แล้วเหตุใด หุ้นโรงไฟฟ้าที่เคยเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงจากนักลงทุนในตลาดกลับไหลรูดราคาทรุดฮวบทั้งกระดาน โดยราคาหุ้นพลังานโดยเฉพาะในกลุ่มโรงไฟฟ้าถูกเทขายออกมาอย่างต่อเนื่องและราคาทรุดฮวบลงอย่างเห็นได้ชัด

ไล่ดะมาตั้งแต่หุ้น EA พลังงานบริสุทธิ์ บร.กริมเพาเวอร์ (BGRIM) , บริษัทผลิตไฟฟ้า หรือ EGCO , โกลบอลเพาเวอร์ (GPSC) , ราชกรุ๊ป RATH , ซีเคพาวเวอร์ CKP หรือ กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง Gunkul รวมไปถึง กัลฟ์เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (Gulf) ราคาหุ้นของผู้ผลบิตไฟฟ้ารายใหญ่ใสนตลาดนั้นไหลรูดลงไปตามๆ กัน 

นี่ขนาดออกโรงสับเละว่าในแผน PDP2024 นี้ได้ลดทอนบทบาทการผลิตไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ(กฟผ.)ลง จนท้ายแผนกฟผ.จะเหลือสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าเพียง 17% เท่านั้น แต่แทนที่จะเป็นผลดีต่อผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนทั้งหลายที่จะเข้ามากินรวบส่วนแบ่งการผลิตไฟฟ้าที่ว่า  แต่ไหงราคาหุ้นของผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์เหล่านั้น กลับไหลรูดไม่เป็นขบวนเสียอย่างนั้น….

อันเป็นเครื่องย่อมสะท้อนให้เห็นว่า แผน PDP2024 และแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก AEDP ดังกล่าว ไม่ได้เอื้อให้ผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่เหล่านี้ได้ประโยชน์จนพุงปลิ้นอย่างที่เข้าใจกันตรงกันข้ามในช่วงท้ายของแผน PDP ที่มีการระบุลงไปอย่างชัดเจนว่า อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยในช่วงปลายแผนปี 2580 จะอยู่ที่ 3.8704 บาทต่อหน่วยต่ำกว่าแผน PDP2018 (ปรับปรุงครั้งที่ 1)ที่ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่3.9479 บาทต่อหน่วย

ยิ่งเป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นว่า แผน PDP2024 และแผนพัฒนาไฟฟ้าพลังงานทดแทนและทางเลือก AEDP ที่ว่าไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้บรรดาโรงไฟฟ้าเอกชนอย่างที่เข้าใจ ตรงกันข้ามกลับทำให้ราคาหุ้นของโรงไฟฟ้าเหล่านั้นไหลรูดลงไปเสียอีก

และหากจะย้อนกลับไปดูข้อมูลและบทวิเคราะห์ของบรรดานักวิเคราะห์หลักทรัพย์แต่ละสำนักที่ต่างก็มีข้อมูลเหล่านี้อยู่ในมือ จะเห็นได้ว่า นักวิเคราะห์เหล่านี้ต่างวิเคราะห์ออกมาในทำนองเดียวกันถึงผลกระทบของแผน PDP2024 ที่ว่านี้ที่หาได้เอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนพลังงานหรือโรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่อย่างที่ทุกฝ่ายเข้าใจกัน

หาไม่แล้วราคาหุ้นกลุ่มพลังงานและโรงไฟฟ้าเหล่านี้ คงได้พุ่งกระฉูดรับข่าวดีกันถ้วนหน้า ไม่สาละวันเตี้ยลงอย่างที่เห็นและเป็นอยู่นี้แน่  ถึงต้องย้อนกลับไปถามที่มาของโพลล์เหล่านั้นว่าได้ลงลึกไปถึง “เนื้อแท้” ของแผนพัฒนาพลังงานของประเทศหรือไม่ หรือแค่วิเคราะห์อย่างฉาบฉวย เพียงเพื่อหวังจะโหวยหาแสงและ “เวทียืน” ให้กับตัวเองเท่านั้น

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี

แบบเดียวกับหมอดูบางสำนักที่ฟันธง นายกฯ เศรษฐา ม้วนเสื่อ นายใหญ่แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้าต้องรีบหนีออกไปต่างประเทศ แถมพอผลออกมากลับตาลปัตรกลับยังมีหน้าอรรถาธิบายต่อสาวกว่าเพราะมีดาวศุกร์ ดาวพฤหัสโคจรเข้ามาบดบังเลยทำให้รอดปากเหยี่ยวปากกากันไปแล้ว

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts