วันศุกร์, ตุลาคม 18, 2024
หน้าแรกสืบเศรษฐกิจพลังงานบอนไซ-ลอยแพการไฟฟ้าฝ่ายผลิต?

Related Posts

บอนไซ-ลอยแพการไฟฟ้าฝ่ายผลิต?

“…กระแสวิพากษ์ในทำนองที่ว่าแผน PDP2024 ดังกล่าวมุ่งเอื้อประโยชน์ให้เอกชนทุนพลังงาน บอนไซและลดทอนบทบาทของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จนแทบไม่มีที่ยืนในสังคม เพราะโครงสร้างการผลิตไฟฟ้าตามแผนดังกล่าวเมื่อสิ้นปี 2580 สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ.จะลดลงเหลืออยู่เพียง 19,000 เมกะวัตต์หรือ 17% ของกำลังการผลิตรวมทั้งประเทศเท่านั้น   ขณะที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว. กระทรวงพลังงาน ระบุว่า “แผน PDP ฉบับใหม่ส่งเสริมไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดมากขึ้น โดยไม่ได้จำกัดว่าจะต้องผลิตจากอะไร แต่ขอให้เป็นพลังงานสะอาด ซึ่งประเทศไทยมีความแข็งแกร่งจากพลังงานแสงอาทิตย์ก็จะเร่งการส่งเสริมในด้านนี้เป็นหลัก  ขณะที่ในส่วนของการผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาด หรือพลังงานทางเลือกที่จะเข้ามาทดแทนนั้น กฟผ.มี โอกาสลงทุนเพียงโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบทุ่นลอยน้ำขนาด 2,681 เมกะวัตต์เท่านั้น โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนหลักๆ จะมาจากการเปิดให้เอกชนเข้ามาลงทุน…”

พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว. กระทรวงพลังงาน

PDP2024 ….สมดุลย์พลังงาน

บอนไซ-ลอยแพการไฟฟ้าฝ่ายผลิต?

บนเส้นทางขนานความมั่นคง VS ไฟฟ้าสะอาด

ยังคงเป็นประเด็นสุดร้อนที่สังคมให้ความสนใจ

กับเรื่องของแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า PDP2024 (ปี 2565-2580) ที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) กระทรวงพลังงานเพิ่งจัดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะไปเมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งนัยว่า จะเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก ทั้งโซล่าเซลล์ พลังงานลม และไฟฟ้าชีวมวลขึ้นไปถึง 50% ของกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมของประเทศ จากแผน PDP2018 เดิมที่กำหนดไว้เพียง 20% เท่านั้น

ท่ามกลางกระแสวิพากษ์ในทำนองที่ว่าแผน PDP2024 ดังกล่าวมุ่งเอื้อประโยชน์ให้เอกชนทุนพลังงาน บอนไซและลดทอนบทบาทของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จนแทบไม่มีที่ยืนในสังคม เพราะโครงสร้างการผลิตไฟฟ้าตามแผนดังกล่าวเมื่อสิ้นปี 2580 สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ.จะลดลงเหลืออยู่เพียง 19,000 เมกะวัตต์หรือ 17% ของกำลังการผลิตรวมทั้งประเทศเท่านั้น

ขณะที่ในส่วนของการผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาด หรือพลังงานทางเลือกที่จะเข้ามาทดแทนนั้น กฟผ.มี โอกาสลงทุนเพียงโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบทุ่นลอยน้ำขนาด 2,681 เมกะวัตต์เท่านั้น โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนหลักๆ จะมาจากการเปิดให้เอกชนเข้ามาลงทุน

ขณะที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว. กระทรวงพลังงาน ระบุว่า “แผน PDP ฉบับใหม่ส่งเสริมไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดมากขึ้น โดยไม่ได้จำกัดว่าจะต้องผลิตจากอะไร แต่ขอให้เป็นพลังงานสะอาด ซึ่งประเทศไทยมีความแข็งแกร่งจากพลังงานแสงอาทิตย์ก็จะเร่งการส่งเสริมในด้านนี้เป็นหลัก และต้องยอมรับว่าไฟฟ้าจากพลังงานน้ำยังไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะผลักดันให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากปริมาณน้ำที่ยังไม่เพียงพอ”

#ความมั่นคงพลังงานกับ #ไฟฟ้าสะอาด

อย่างไรก็ตาม การพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศหากมุ่งแต่จะแสวงหาโครงสร้างค่าไฟราคาถูกเป็นหลัก คงหนีไม่พ้นจะต้องหันไปปัดฝุ่นเอาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์กลับมาบรรจุไว้ในแผน เพราะเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าที่มีราคาถูกสุด ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นไฟฟ้าสะอาดตามเทรนด์ของโลอีกด้วย

แต่อย่างที่ทุกฝ่ายรู้เต็มอก การจะปลุกผีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขึ้นมาจากหลุม อย่างที่บรรจุไว้ในแผนPDP2024 แม้จะเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

 เพราะโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ถูกสาปส่งและ “ปิดประตูลั่นดาน”จากเครือข่ายพลังงานในประเทศมานับศตวรรษ ถูกตราหน้าว่า เป็นมหันตภัยร้ายอันตรายไม่อาจจะยินยอมให้เกิดขึ้นในประเทศไทยได้ แม้ทั่วโลกจะให้การยอมรับว่านี่คือพลังงานสะอาดก็ตาม

#ดาบ 2 คมพลังงานสะอาด

อย่างไรก็ตามการผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดที่รัฐบาลพยายามให้การส่งเสริมเพื่อเป็นจุดแข็งดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นดาบ 2 คมที่ทุกฝ่ายต้องตระหนัก

เพราะไฟฟ้าสะอาดไม่ว่าจะมาจากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม หรือพลังงานน้ำล้วนต้องพึ่งพาธรรมชาติเป็นหลัก ที่ถือเป็นปัจจัยที่ยากต่อการควบคุม

ดังนั้น ระบบไฟฟ้าที่มีความพร้อมและเหมาะสมที่สุดในเวลานี้ยังคงต้องพึ่งก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก เพื่อเป็นแบ็กอัปสำคัญเมื่อพลังงานหมุนเวียนไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ในบางช่วงเวลา

ทั้งนี้ การเพิ่มสัดส่วนไฟฟ้าพลังงานสะอาดที่บรรจุเอาไว้ในแผน PDP2024 แม้จะสูงถึง 51% แต่ก็ใช่เป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นว่า ทำให้สำรองไฟของประเทศพุ่งทะลักเกินความต้องการ และเป็นสาเหตุทำให้ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟแพงเกินจริงอย่างที่ทุกฝ่ายเข้าใจกัน

รศ.ดร.กุลยศ อุดมวงศ์เสรี อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า และ ผอ.สถาบันวิจัยพลังงาน จุฬาฯ

ประเด็นในเรื่องของปริมาณสำรองไฟฟ้าควรมีมากหรือน้อยถึงจะเหมาะสมนั้น รศ.ดร.กุลยศ อุดมวงศ์เสรี อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า และ ผอ.สถาบันวิจัยพลังงาน จุฬาฯ ระบุว่า “ต้องถามว่าคำว่า ล้นเกินนั้นเขาวัดจากอะไร เพราะการบอกว่าไฟฟ้ามีเยอะเกิน มีน้อยเกิน ตรงนี้จับต้องได้ยากและเป็นดุลพินิจส่วนใหญ่”

ทั้งนี้ ตามแผน PDP ที่ทำอยู่เมื่อคำนวณดูในปี 2579 กำลังไฟฟ้าสำรองอาจสูงถึง 51.64% แต่นั่นเป็นตัวเลขช่วงกลางวัน เพราะถ้ามาพิจารณาความเสี่ยงอื่นๆจากปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ ตัวเลขอัตราไฟฟ้าสำรองในช่วงกลางคืนจะลดลงมาเหลือแค่ 18.57% เท่านั้น และบางปีเช่น ปี 2573 เหลือแค่ 9% เท่านั้น

#บอนไซกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ?

กับประเด็นในเรื่องของความมั่นคงด้านพลังงานต่อกรณีที่สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของกฟผ.ลดลงจาก 29 %ของกำลังการผลิตรวมในปัจจุบัน หรือกว่า 23,000 เมกะวัตต์ เหลือเพียง  19,000 เมกะวัตต์ หรือ 17% ของกำลังการผลิตรวมในปี 2580 จนหลายฝ่ายแสดงความเป็นกังวลว่าจะส่งผลต่อความไม่มั่นคงด้านพลังงานของประเทศนั้น

คำถามที่ต้องย้อนถามกลับไปยังกฟผ.และเครือข่ายพลังงานก็คือ

1. กฟผ.กำลังจะบอกประชาชนว่า เมื่อมีการปลดระวางโรงไฟฟ้าเก่าของกฟผ.ลงไป รัฐบาลไม่คิดที่จะให้ กฟผ.ลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ทดแทนของเดิม แต่มุ่งมั่นที่จะตั้งโต๊ะเปิดประมูลรับซื้อไฟฟ้าสะอาดจากพลังงานทดแทน พลังงานทางเลือกอื่น ๆ จากภาคเอกชนโดยตรงเลยกระนั้นหรือ?

2. การตั้งโต๊ะรับซื้อไฟฟ้าสะอาด หรือไฟฟ้าพลังงานทางเลือกเหล่านี้ กระทรวงพลังงานโดยเฉพาะ กกพ.ไม่เปิดโอกาสให้ กฟผ.หรือบริษัทลูก บริษัทร่วมทุนของ กฟผ.อย่าง บมจ.บริษัทผลิตไฟฟ้า EGCO บมจ. ราชกรุ๊ป หรือ บริษัทผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็น DCAP เข้าร่วมประมูลใด ๆ  เลยกระนั้นหรือ กกพ.จำกัดให้แต่ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ IPP หรือผู้ผลิตรายเล็ก และรายเล็กมาก ( SPP-  VSPP) เข้าเสนอราคาเท่านั้นหรือ?

3. การที่ กฟผ. มีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าลดลงจนเหลืออยู่ประมาณ 17% ตามแผน PDP 2024  ที่ถือเป็นความไม่มั่นคงด้านพลังงานของประเทศนั้น ความไม่มั่นคงที่ว่าวัดจากอะไรหรือ? เหตุใดหรือทำไมถึงเป็นเช่นนั้น การที่ กฟผ.ยังคงเป็นผู้ดูแลระบบสายส่งทั่วประเทศนั้นไม่ได้ทำให้ กฟผ.มีความมั่นคงด้านพลังงานเพียงพอกระนั้นหรือจำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าเป็นของตนเองควบคู่กระนั้นหรือจึงจะถือว่ามีความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศได้ 

หรือกฟผ.กำลังจะบอกประชาชนว่า หากให้ กฟผ.เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าทั้งหมด 100% เฉกเช่นในอดีตเมื่อ 40-50 ปีก่อนนั้น จะถือเป็นความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศอย่างยั่งยืนอย่างนั้นหรือไม่?

4. หากการที่รัฐบาลและ กกพ.จัดทำแผน PDP โดยหันไปพึ่งพาพลังงานสะอาด หรือพลังงานทางเลือกพลังงานหมุนเวียนในสัดส่วนที่สูงลิ่ว คือ “ความเสี่ยง”และ “ความไม่มั่นคงด้านพลังงานแล้ว” จะต้องทำอย่างไรหรือถึงจะเรียกว่าเป็นความมั่นคงด้านพลังงานประเทศ ต้องให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ หรือถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง หรือใช้นิวเคลียร์ เพิ่มเติมหรืออย่างไร ถึงจะถือเป็นความมั่นคงด้านพลังงาน

และหากการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเหล่านั้น ไม่ได้อยู่ในมือ กฟผ. แต่ตกไปเป็นของเอกชนอยู่ดี (จากการที่ กกพ.ตั้งโต๊ะรับซื้อไฟฟ้าโดยพิจารณาจากเกณฑ์ราคาเป็นหลัก) อย่างนี้จะถือเป็นความไม่มั่นคงด้านพลังงานอยู่หรือไม่ หรือต้องให้ กฟผ. เป็นผูกขาดก่อสร้างโรงไฟฟ้าเหล่านั้นด้วยตนเองเท่านั้น จึงจะถือว่าเข้าเงื่อนไขความมั่นคงด้านพลังงาน

และก็อย่างที่ทุกฝ่ายประจักษ์ หากแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศเอื้อประโยชน์ต่อเอกชนหรือกลุ่มทุนพลังงานจริง แล้วเหตุใดบรรดานักวิเคราะห์หลักทรัพย์หรือโบรกเกอร์ต่างๆ ถึงไม่ได้เชียร์ให้นักลงทุนซื้อหุ้นบรรดาผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนในตลาดหลักทรัพย์ ตรงกันข้ามกลับแนะนำให้ชะลอการลงทุนกันเสียเป็นส่วนใหญ่เอาได้

ก่อนจะไปถึงจุดนั้นกฟผ.และ 2การไฟฟ้าช่วยหันไปเคลียร์หน้าเสื่อนโยบายส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์โดยติดตั้งระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาบ้านหรือสำนักงาน (Solar Rooftop) ที่ก่อนหน้ารัฐบาลออกมาตีปี๊บส่งเสริมให้ประชาชนคนไทยได้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา หรือสำนักงานเพื่อการใช้งาน  เป็นการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปพร้อมๆกันด้วยอีก  และหากยังมีไฟเหลือยังสามารถขายคืนให้กับการไฟฟ้าได้อีกนั้น

แต่ของจริงทำได้แค่ไหน  จนถึงวันนี้ประชาชนคนไทยที่เห็นโอกาสในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ โซลาร์รูฟท็อป ที่ขายกันเกร่อ แต่บทที่จะนำไปติดตั้งใช้งานจริงคู่ขนานไปกับไฟฟ้าของรัฐนั้น มันช่างเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็น ด้วยขั้นตอนการขออนุญาต-รับรอง  นัยว่ากำหนดขั้นตอนการขออนุญาต ขั้นตอนการตรวจสอบรับรองเอาไว้อย่างซับซ้อน จนถึงขนาดที่มีการสัพยอกกันว่า ขนาดตัววิศวกรมาดำเนินการติดตั้งเอง ก็ยังยากจะฝ่าด่านอรหันต์ของการไฟฟ้าภูมิภาค และการไฟฟ้านครหลวงไปได้ จะต้องใช้ผู้รับเหมาและวิศวกรที่กำหนดจาก 2 การไฟฟ้าเท่านั้น

จนผู้คนเริ่มจะสงสัย ตกลงรัฐบาลมีความจริงใจในการส่งเสริมประชาชนให้ใช้ประโยชน์จากโครงการโซลาร์เซลล์ โซลาร์รูฟท็อปจริงแท้แค่ไหน หรือแค่ลดแรงกดดันจากเทรนด์ของโลกไปเท่านั้น จึงสร้างเงื่อนไขขั้นตอนการขออนุญาตเอาไว้ยิ่งกว่าเขาวงกต  จริงไม่จริง!!!

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts