เซมิคอนดักเตอร์เป็นส่วนประกอบสำคัญของอุปกรณ์อัจฉริยะทั้งหลาย ส่วนแบ่งกำลังการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกเป็นของไต้หวัน 46% ตามมาด้วยจีน 26%, เกาหลีใต้ 12%, สหรัฐอเมริกา 6% และญี่ปุ่น 2% การบรรลุเป้าหมาย “จีนเดียว” จึงสร้างความหวั่นไหวต่อมหาอำนาจเก่าอย่างสหรัฐอเมริกาแน่นอน
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวว่า จีนจะยึดมั่นเป้าหมายในการ “สร้างประเทศที่มีความเข้มแข็งด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภายในปี 2578” พร้อมกับเสริมว่า เป้าหมายดังกล่าวมุ่งสร้างความก้าวหน้าที่สำคัญในด้านความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ ความเข้มแข็งในการป้องกันประเทศ และความเข้มแข็งของชาติในภาพรวม
ผู้นำจีน เรียกร้องให้จีนยกระดับการพัฒนานวัตกรรม แข่งขันด้านเซมิคอนดักเตอร์กับสหรัฐอเมริกา โดยผู้นำจีนกล่าวว่า ขีดความสามารถในการพัฒนานวัตกรรมของจีนยังต้องเผชิญกัญหาอุปสรรค จากการที่เทคโนโลยีสำคัญบางส่วนถูกควบคุมโดยต่างชาติ อีกทั้งยังขาดแคลนผู้มีความสามารถด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูง
การเสนอกฎใหม่ของกระทรวงการคลังสหรัฐ เพื่อจำกัดการลงทุนในต่างประเทศของกลุ่มเทคโนโลยีขั้นสูง กระทบต่ออุตสาหกรรมการพัฒนาเทคโนโลยีของจีนอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ กระทรวงพาณิชย์ของจีน จึงเรียกร้องให้สหรัฐเคารพหลักการแข่งขันที่เป็นธรรม และยกเลิกข้อจำกัดด้านการลงทุนที่เสนอ พร้อมกับเสริมว่าจีนมีสิทธิใช้มาตรการตอบโต้การกระทำดังกล่าว
เซมิคอนดักเตอร์เป็นส่วนประกอบสำคัญของอุปกรณ์อัจฉริยะ ยานยนต์ รวมถึงการผลิต ชิป หรือ ชิปเซต ซึ่งทำหน้าที่ประมวลผล เก็บข้อมูล และส่งข้อมูล เปรียบเสมือนสมองของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อย่างเช่น สมาร์ตโฟน หรือ คอมพิวเตอร์
ไต้หวัน คือหนึ่งในดินแดนชั้นนำด้านการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ข้อมูลจาก TrendForce ระบุว่า ปี 2023 ส่วนแบ่งกำลังการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกของไต้หวันอยู่ที่ประมาณ 46% ตามมาด้วยจีน 26%, เกาหลีใต้ 12%, สหรัฐอเมริกา 6% และญี่ปุ่น 2%
การรวมไต้หวันเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจีนแผ่นดินใหญ่ ท่ามกลางแรงเชียร์ของประเทศต่างๆที่ต้องการเห็นสิ่งที่เรียกว่าสันติภาพ สร้างโลกที่ดียิ่งขึ้น เมื่อ “จีนเดียว” คือเป้าหมาย อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในภูมิภาคนี้จะยิ่งใหญ่เพียงใด และนั่นอาจเป็นสิ่งที่สหรัฐหวั่นไหวเป็นอย่างยิ่ง เพราะอุตสาหกรรมรายใหญ่ๆของสหรัฐ ล้วนใช้ชิปจากผู้ผลิตในไต้หวัน