ชนชั้น…คนการเมือง
มุมมองของความคิดเห็น…ผู้รอบรู้หลากหลายสาขาความคิด ล้วนเป็นผู้มีความรอบรู้รอบตัว ที่คอยชี้นำ ให้ผู้ด้อยโอกาส ด้อยค่าฐานะทางสังคมต่างระดับชีวิต
อยากรู้…ในสิ่งที่ไม่รู้ อยากเห็น ในบางเรื่องที่เขาด้อยปัญญาในด้านนั้นๆ มองไม่เห็น ตกเป็นเหยื่อผู้มีปัญญาเหนือกว่า ปักใจเชื่อไปกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
กลายเป็นข้อโต้แย้ง…แยกพวก แยกฝ่าย กลายเป็น การ แบ่งสี แบ่งพวก ที่คนมี “ปัญญาภิวัฒน์” ความคิดเหนือชั้นกว่า คอยชี้นำให้คล้อยตามคำแนะนำเหล่านั้น
ผิดเพี้ยนในสิ่งที่สังคมไทย คุ้นเคย…ผิด-เพี้ยน จนจูงมือเดินหลงทางตามกันไป คนละทิศคนละทาง
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรัฐมนตรี…โพสต์ข้อความระบุว่า เมื่อมีการเลือก สว.ครั้งล่าสุด ได้คนจากทุกสาขาอาชีพ แต่มีเสียงวิพากษ์อย่างสาดเสียเทเสีย
โดยเฉพาะ สว.ที่เป็นสามัญชน ไม่มีชาติ ไม่มีสกุล ไม่มีปริญญา มาจากบ้านนอก ถูกบูลลี่ถึง ศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์
“ที่ความเป็นคน ย่อมมีความเท่าเทียมกัน ตามเจตนารมณ์ของประชาธิปไตย”
อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ชี้ว่า…
“คนเขาไม่ได้วิพากษ์วิจารย์กันเรื่องชาติเรื่องตระกูล หรือใบปริญญาหรอกครับ เขาวิจารย์กันเรื่องพรรคการเมืองหนึ่ง พาพรรคพวก คนสนิท เข้ามาเป็น สว.กันได้ 100 กว่าคน อย่างน่าอัศจรรย์พันลึก ใครมีอาการแบบนี้บ้าง”
นี่ก็พอมองออก…หมายถึงงอะไรบ้าง, แม้ 2 คนยลตามช่อง “คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม อีกคน ปัญญาแหลมคม เห็น ดวงดาว เห็นนรก สวรรค์ มีจริง”
ความจริง…ที่ต่างคนต่างรู้จริง แต่เรื่องที่รู้ ดูที่เห็น เพื่อตัวเอง
ที่คนนอกไม่รู้ไม่เห็น มันซ่อนอยู่ในภูมิปัญญาของแต่ละฝ่าย..ไว้เพื่อประโยชน์อื่นใด ที่คนมีปริญญาบางพวก หยิบยกนำปัญญานำมาเลือกใช้
เลือกหยิบยกชี้นำผู้ด้อยกว่าให้คล้อยตาม เพื่อประโยชน์ของพวกมีฐานันดร หยิบฉวยมาเป็นช่องทางความเห็น ที่เห็นแก่ประโยชน์ของตน และพวกพ้องทางการเมือง..ส่วนใหญ่
ไม่เกี่ยวกับคนไม่มีชนชั้น เช่นชาวบ้านทั่วไปหรอก.