สังคมของคนรุ่นใหม่….แนวคิดยุค “โลกาภิวัตน์” พัฒนามาถึงยุค “ปัญญาภิวัฒน์” ใครเข้าไม่ถึง จะถูกจัดอันดับ “แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน” ตกยุค ล้าหลังทางความคิด ไร้คุณค่า…
ปัจจุบัน…ในวงสนทนา ถ้าไม่ยกความก้าวหน้าทางความคิด ตามที่ ai หรือ แปลเป็นไทย “ปัญญาภิวัฒน์” นำทางให้คิดตาม…ถือว่า “ตกยุค”
เราไม่ได้คิดตามก้นฝรั่งทั้งหมด…แต่อยากลองเทียบเคียงดู
กับคำถามที่ว่า…”ทำอย่างไรคนไทยจะหลุดพ้นความยากจนได้” ก็ได้คำตอบยาวเหยียด พอสรุปความรู้ ที่ฝรั่งคิดแทนคนไทย ได้ว่า…
เริ่มต้นจาก…กำหนดเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน…เป้าหมายเหล่านี้ รวมถึงการออมจำนวนหนึ่ง หรือการลงทุนทางธุรกิจ
การติดตามรายรับและรายจ่าย เป็นสิ่งสำคัญในการจัดการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ
สำรวจวิธีต่างๆ ในการเพิ่มรายได้ของคุณ
สำรวจวิธีต่างๆในการเพิ่มรายได้…ตรวจสอบค่าใช้จ่าย อย่างรอบคอบ
การออมเงินเป็นสิ่งจำเป็น สำหรับการสร้างความมั่งคั่ง
การลงทุนเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยม ในการเพิ่มเงินของคุณในระยะยาว
การลงทุนในตนเอง เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเติบโตทางการเงิน
หาที่ปรึกษาทางการเงิน….หากคุณต้องการความช่วยเหลือ ฯลฯ
นี่คือคำแนะนำ…ให้เราหลุดพ้นจากความจนได้ มันถูกฝาถูกตัวกับจริตสังคมไทย ตรงไหน??
คนรุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายาย…ยุคเก่า เขาเป็นแบบอย่างให้ลูกหลานเหลนโหลนเรา อยู่เคียงคู่กันมายาวนาน
“มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท
อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์
มีน้อยใช้น้อยค่อยบรรจง
อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน”
บทกลอนสุนทรภู่ จากสุภาษิตสอนหญิง สอนไว้ให้จำ แค่นี่แหละ…ต้นทุนที่สั่งสมกันมา ให้เราจดจำ
ไม่แค่คำสอน แต่เป็นแบบอย่าง เห็นผลได้ กับคำสั้นๆ “มัธยัสถ์อดออม” หรือ สิ่งที่รุ่นเก่าเขานำมาใช้ได้ผล…
“อยู่อย่างพอเพียง” พออยู่พอกิน นำไปสู่ความมั่งคั่งที่ยั่งยืน”พ่อสอนไว่”
ที่เราตกอับดักดาน…เพราะไม่ประมาณตน อยากรวยแต่ขี้เกียจ หลงอยู่ในดงอบายมุข ดูหรูแต่แร้นแค้น!!
เทวดาที่ไหนมาแนะนำให้หลุดพ้นจากความจน…ก็ได้แต่แบมือขอ “ไหนละเงินปลดหนี้”
#สุคนธ์_ชัยอารีย์
#สืบจากข่าว รายงาน