“สำหรับผม การแข่งเพื่อชัยชนะหมายถึงการทำสิ่งต่างๆ ให้แตกต่างออกไป เราเชื่อว่า การทำในสิ่งที่คนอื่นอาจสงสัย จะทำให้เราอยู่ในวงจรผู้ชนะได้นานที่สุด” นั่นคือคำพูดของ อากิโอะ โทโยดะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ Toyota Motor ที่เคยกล่าวไว้ในงานประชุมตัวแทนจำหน่ายประจำปีของบริษัทในลาสเวกัส
โตโยต้าถูกตั้งคำถามตลอดมาว่า ปรับตัวช้าเกินไปหรือเปล่า สำหรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้สูญเสียตำแหน่งผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 1 ของโลก ในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า
แม้โตโยต้า เคยเป็นผู้ที่บุกเบิกรถยนต์ระบบไฮบริดมากว่า 20 ปี จากความสำเร็จของ ‘Toyota Prius’ รถยนต์ไฮบริดมอเตอร์ไฟฟ้ารุ่นแรกของโลก ที่ออกวางขายจริง
แม้โตโยต้าจะวางแผนลงทุน 7 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 30 รุ่น ภายในปี 2030 โดยจำนวนนี้ครึ่งหนึ่งจะเป็นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า พลังงานจากแบตเตอรี่ทั้งหมด
แต่ก็ยังถูกมองว่าเป็นการขยับตัวล่าช้ากว่าคู่แข่ง อย่าง ‘Tesla’ จากสหรัฐอเมริกา หรือ ‘BYD’ ของจีน
“การทำในสิ่งที่คนอื่นอาจสงสัย จะทำให้เราอยู่ในวงจรผู้ชนะได้นานที่สุด” นั่นคือคำตอบของซีอีโอ โตโยต้า
โตโยต้า ไม่เคยหวั่นไหวต่อกระแสความแรงของรถยนต์ไฟฟ้า และไม่ทุ่มเม็ดเงินมากเกินไป เพื่อพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าสู้กับคู่แข่ง แม้ตามแผนงานในอนาคต โตโยต้าจะผลิตรถยนต์อีวีออกมาอีกหลายรุ่น แต่ในขณะเดียวกันก็ยังไม่ทิ้งรถยนต์น้ำมันและไฮบริด ที่โตโยต้ามองว่า ยังมีความจำเป็นและสะดวกกว่าสำหรับคนอีกจำนวนมาก ที่ไม่พร้อมเปลี่ยนไปใช้รถยนต์อีวี
“ผมไม่เชื่อว่ารถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดจะถูกนำมาใช้อย่างรวดเร็ว ตามที่ผู้กำกับนโยบายและบริษัทคู่แข่งคิด ด้วยเหตุผลหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการขาดโครงสร้างพื้นฐาน ราคา และการตัดสินใจเลือกซื้อรถที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค ล้วนยังเป็นอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้า” โทโยดะ กล่าว
ซีอีโอโตโยต้า ยังเชื่อว่า กฎหมายที่แคลิฟอร์เนียและนิวยอร์ก จะบังคับใช้ในปี 2035 ห้ามยานพาหนะเครื่องยนต์สันดาปภายใน วิ่งบนถนน เป็นเรื่องยาก อีวียังต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ กว่าจะกลายเป็นกระแสหลัก และรถยนต์ไฟฟ้าจะมีสัดส่วนไม่เกิน 30% ส่วนที่เหลือ 70% จะเป็นพื้นที่ของรถยนต์พลังงานอื่นๆ
ประกอบกับอุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่น มีบริษัทซัพพลายเออร์นับร้อยเป็นคู่ค้า ซัพพลายเออร์ดังกล่าว มีพนักงานอีกเป็นแสนๆ คน ที่ยังคงผลิตชิ้นส่วนของเครื่องยนต์สันดาปภายใน และยังปรับตัวไม่ทัน การปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว โดยทิ้งเพื่อนไว้ข้างหลัง ไม่ใช่วิสัยของโตโยต้า
การขายทั้งรถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์สันดาปภายใน และ รถยนต์พลังงานไฮโดรเจน จึงเป็นการเพิ่มทางเลือกที่มีความหลากหลายของโตโยต้า มากกว่าจะทำแต่รถยนต์ไฟฟ้าออกมาขายเพียงอย่างเดียว แล้วปล่อยให้ธุรกิจร่วมค้าสาบสูญ โดยไม่เหลียวมอง
โทโยดะ ยังสะท้อนถึงปัญหาใหญ่ในอนาคตคือ วัตถุดิบอย่างลิเธียมและนิกเกิลเกรด ที่ใช้ผลิตแบตเตอรี่ จะขาดแคลนอย่างมาก ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาด้านการผลิตและซัพพลายเชน รวมถึงกระแสไฟฟ้าในหลายประเทศ ที่อาจขาดแคลนหากมีการชาร์จไฟทุกบ้าน ทุกวัน โดยเฉพาะช่วงตอนกลางคืน ที่คนส่วนใหญ่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าพร้อมกัน
“ยิ่งเราเหยียบคันเร่งเข้าสู่สังคมอีวีเร็วเท่าไหร่ ด้านหนึ่งกลับยิ่งเป็นการทำลายโลก” นั่นคือมุมมองของ อากิโอะ โทโยดะ ซีอีโอของโตโยต้า
ถูก หรือ ผิด ต้องตัดสินด้วยกาลเวลา!