เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม หาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เข้าร่วมงานสัมมนารายงานผลการศึกษาเรื่อง “ประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันจีน-ไทยและผลกระทบต่อความสัมพันธ์จีน-ไทย” โดยศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประเทศไทย และ กล่าวสุนทรพจน์เรื่อง “การสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันจีน-ไทยที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนมากขึ้น”
เอกอัครราชทูตหานกล่าวในสุนทรพจน์ว่า เมื่อเร็วๆ นี้รัฐบาลจีนได้จัดการประชุมในกรุงปักกิ่งเพื่อรำลึกถึงวาระครบรอบ 70 ปีของการแถลงหลัก 5 ประการแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ซึ่งในที่ประชุมประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ชี้ให้เห็นว่าเมื่อ 70 ปีที่แล้ว ผู้นำจีนเสนอหลัก 5 ประการแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก และกำหนดเป็นบรรทัดฐานพื้นฐานในการดดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ วันนี้ 70 ปีภายหลัง เมื่อเผชิญกับประเด็นสำคัญคือ ”เราควรจะสร้างโลกแบบไหนและจะสร้างได้อย่างไร“ จีนได้ให้คำตอบการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันสำหรับมนุษยชาติแก่ชาวโลกในยุคนี้
เอกอัครราชทูตหานกล่าวว่า แนวคิดในการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมวลมนุษยชาติและหลัก 5 ประการแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ มีความสอดคล้องกัน มีต้นกำเนิดที่เดียวกัน ที่มีรากฐานมาจากวัฒนธรรมจีน อันเป็นเลิศ ที่เน้นความเมตตากรุณาและความเป็นมิตรที่ดี ความน่าเชื่อถือ และมีไมตรีจิต และความปรองดองกับทุกชาติ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของจีนที่จะยึดมั่นในแนวทางการพัฒนาอย่างสันติ
ในปี พ.ศ. 2565 จีนและไทยบรรลุฉันทามติที่สำคัญ ในการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันจีน-ไทย ที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนมากขึ้น ทำให้ความสัมพันธ์แบบดั้งเดิมที่ว่า ”จีนไทย ใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” มีความหมายใหม่ตามยุคสมัย และทำให้ความสัมพันธ์จีน-ไทย เข้าสู่ยุคใหม่แห่งการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันจีน-ไทย ที่ความสัมพันธ์จีน-ไทย ก้าวมาถึงระดับสูงเช่นนี้ โดยหลักแล้วเป็นเพราะทั้งสองประเทศเป็นเพื่อนบ้านที่ดี ที่เชื่อมต่อกันด้วยภูเขาและแม่น้ำ เป็นญาติที่ดี ที่เชื่อมโยงกันด้วยสายเลือด และเป็นหุ้นส่วนที่ดีสำหรับความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน
ในอนาคต การสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันจีน-ไทย จะมีโอกาสที่กว้างขวาง ทั้งสองฝ่ายควรเสริมสร้างความไว้วางใจทางการเมืองมากยิ่งขึ้น เพื่อบรรลุความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน ควรกระชับความสัมพันธ์แห่งมิตรภาพให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น และร่วมกันพิทักษ์การพัฒนาอย่างสันติในระดับนานาชาติและระดับภูมิภาค