บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ประกาศจะยุติการประกอบรถที่โรงงานอยุธยา และหันไปใช้โรงงานที่ปราจีนบุรี ผลิตรถยนต์เป็นหลัก เพื่อมุ่งสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า หรือ อีวี ขณะที่โรงงานอยุธยา จะพัฒนาเป็นฐานการผลิตและส่งออกชิ้นส่วน แทนการประกอบรถยนต์
เท่ากับว่า โรงงานปราจีนบุรี จะเป็นฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปที่สมบูรณ์แบบ โดยการใช้ประโยชน์จากสายการผลิตที่ผสมผสานเทคโนโลยี เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีความสามารถในการรองรับธุรกิจยานยนต์แห่งอนาคต
มองมุมหนึ่งหลายคนอาจคิดว่า ฮอนด้า กำลังเพลี่ยงพล้ำหรือเปล่า เพราะการยุติสายการผลิตรถยนต์ในอยุธยา เท่ากับว่ามียอดขายที่ลดลง นั่นก็ถูก แต่หากมมองอีกมุม นี่คือการปรับทัพการผลิตมุ่งสู่สนามอีวีแบบเต็มตัว
เพราะกระบวนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ซับซ้อนเหมือนการผลิตรถยนต์ระบบสันดาป ใช้อุปกรณ์น้อยกว่าระบบสันดาปถึง 10 เท่า หรือ ลดการใช้ชิ้นส่วนยานยนต์จาก 3 หมื่นชิ้น เหลือเพียง 3 พันชิ้น จึงใช้พื้นที่การผลิตน้อยกว่า ในขณะเดียวกันบางไลน์การผลิตยังดำเนินการด้วยระบบอัตโนมัติ จึงไม่แปลกที่ฮอนด้าจะใชโรงงานในโรงงานอยุธยา เป็นฐานการผลิตและส่งออกชิ้นส่วนไปยังต่างประเทศ ที่ยังมีความต้องการรถยนต์ระบบสันดาป แล้วใช้โรงงานในปราจีนบุรีเป็นหัวหาดผลิตรถยนต์อีวี
หากยังจำกันได้ การเดินทางเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-ญี่ปุ่น ของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนนตรี เมื่อเดือนธันวาคม 2567 ได้หารือกับผู้บริหารบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น ได้ข้อสรุปชัดเจนว่าภายใน 5 ปี ผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่น 4 ราย พร้อมขยายการลงทุนสำหรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย มูลค่าการลงทุนรวม 1.5 แสนล้านบาท
หนึ่งในนั้นคือ บริษัทฮอนด้า มอเตอร์ ที่ยืนยันว่ามีแผนลงทุนในไทย 5 หมื่นล้านบาท ในอีก 5 ปี มุ่งสู่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ทั้งระบบไฮบริดและแบตเตอรี่ งานนี้บอกได้เลยว่า สะเทือนตลาด “อีวี” จีนแน่นอน