“…ผู้เสียหายแจ้งความ คุณนาย “นอ” เมียอดีตรองผู้ว่าฯ ภาคใต้ ต้มตุ๋นชาวบ้านลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก่อนฮุบเอาไปขายให้นายทุน สูญเงินนับ 10 ล้าน เหยื่อบางรายเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตก กลายเป็นคนพิการ ซ้ำร้ายแจ้งความตำรวจแล้ว คดีไม่คืบหน้า…”
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 9 ส.ค 67 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ อดีต สห.ทอ. พร้อมทนายเจส ณัฐปกรณ์ สุดชา พาผู้เสียหายซึ่งเป็นชาวบ้าน 3 ครอบครัว 6 คน เข้าพบ พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม (พงส.บก.ป.) แจ้งความกรณีถูกนาง “นอ” นามสมมุติ ภรรยาอดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดแห่งหนึ่งโซนภาคใต้ ทำทีเข้ามาชวนชาวบ้านลงทุน ในหลายธุรกิจ เช่น การจัดสรรที่ดินขาย และรับเหมางานใหญ่ๆ จากหน่วยงานราชการ จนมีชาวบ้านหลงเชื่อถึง 3 ครอบครัว ไปแบ่งที่ดินเพื่อขาย กลับไม่ได้ผลตอบแทนตามที่กล่าวอ้าง ซ้ำยังหลอกให้ร่วมระดมทุน เพื่อไปรับโครงการก่อสร้างจากรัฐ แต่กลับไม่มีโครงการใดๆ เกิดขึ้น เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท และมีผู้เสียหายบางราย เกิดความเครียดจากเหตุการณ์นี้ จนเส้นเลือดในสมองแตกพิการ และยังอาศัยความพิการของผู้เสียหายไปหลอกคนอื่นซ้ำๆ พอผู้เสียหายไปติดตามทวงถามกลับบ่ายเบียง และข่มขู่ว่าจะฟ้องผู้เสียหายทั้งหมด นอกจากนี้ยังแอบอ้างว่ารู้จักคนใหญ่โตในกองปราบฯ ซึ่งผู้เสียหายทั้งหมด รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
นาย สมยศ (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี ผู้เสียหายกล่าวว่า พฤติกรรมของบุคคลนี้ จะแอบอ้างว่าตนเอง เป็นภรรยาอดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัด เขาจะทำธุรกิจ จัดสรรที่ดินขาย และรับเหมางานใหญ่ๆ จากหน่วยงานราชการ ซึ่งเมื่อปี 2564 พี่ชายตนที่มีอาชีพรับซื้อบ้านมือสองมารีโนเวทเพื่อขายต่อ ได้รู้จักกับคู่กรณี ที่เป็นนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์และเป็นหัวหน้า ฝ่ายอนุมัติของบริษัทสินเชื่อแห่งหนึ่ง ที่ชักชวนให้พี่ชายร่วมกันลงทุนซื้อบ้านมือสองเพื่อนำไปขายต่อ และด้วยความเชื่อใจพี่ชายจึงนำเงิน 2 ล้านบาทไปร่วมลงทุน
ต่อมาปี 2565 คู่กรณีได้อาศัยความเชื่อเข้าตีสนิทกับครอบครัวและญาติของพี่ชายที่อยู่ในจังหวัดเพชรบูรณ์ อ้างว่าสามารถเปลี่ยนเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ส.ป.ก. ให้เป็นที่ดินมีโฉนดได้ เพื่อนำไปขายและจะแบ่งกำไรให้ เมื่อครอบครัวหลงเชื่อ จึงโอนเงิน 700,000 ให้เป็นค่าดำเนินการ หลังจากนั้นเมื่อทวงถามก็ไม่ได้รับคำตอบ จึงเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.จว.เพชรบูรณ์ แต่คดีก็ไม่มีความคืบหน้า
นอกจากนี้คู่กรณียังได้หลอกญาติอีกคน โอนที่ดินมรดก 4 ไร่ มาจัดสรรเพื่อแบ่งขายให้กับนักลงทุนชาวจีนในการสร้างบ้านจัดสรร แต่ก็ไม่ได้มีการดำเนินการ หรือไม่มีความคืบหน้าในการก่อสร้างโครงการ แต่เมื่อทวงถามขอให้โอนที่ดินคืนก็ถูกคู่กรณีข่มขู่ว่าจะฟ้องดำเนินคดี
ด้าน ทนายเจส ณัฐปกรณ์ ทนายความ กล่าว ที่ดิน ส.ป.ก. เป็นที่ดินที่ใช้เพื่อทำการเกษตร ไม่สามารถออกโฉนดที่ดินหรือโอนเพื่อทำการซื้อขาย วันนี้จึงนำ หลักฐานการโอนเงินเข้าแจ้งความ กับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามให้ดำเนินคดีในความผิดฐานฉ้อโกง
เบื้องต้นพนักงานสอบสวน รับแจ้งพร้อมกับตรวจสอบข้อมูลหลักฐานที่ผู้เสียหายนำมาให้ก่อนประสานท้องที่ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
#สืบจากข่าว รายงารน