กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.,พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.มีชัย กำเนิดพรหม รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.จรุงศักดิ์ จำรูญ ผกก.4 บก.ทล.พ.ต.ท.ศิวกริช ดิษย์บุญรัตน์, พ.ต.ท.มนตรี รักชาติ รอง ผกก.4 บก.ทล.
เจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึด นำโดย พ.ต.ท.ฉัตรชัย เหมวิลัย สว.ส.ทล. 1 กก.4 บก.ทล., ร.ต.อ.รัฐนันทร สมชื่อ, ร.ต.อ.สุเมธี จำปีหอม รอง สว.ส.ทล.1 กก.4 บก.ทล. พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทล.๑ กก.4 บก.ทล.
ได้ทำการตรวจยึด รถบรรทุกสิบล้อ พร้อมด้วยสินค้า จำนวน 3 คัน
1.รถบรรทุกสิบล้อ ยี่ห้อ ฮีโน่ โดยมี นายมนตรีฯ เป็นคนขับ
2.รถบรรทุกสิบล้อ ยี่ห้อ ฮโน่ โดยมีนายพงศกร ศิริมาฯ เป็นคนขับ
3.รถบรรทุกสิบล้อ ยี่ห้อ ฮีโน่ โดยมีนายชนะพลฯ เป็นคนขับ
4.สินค้านำเข้าจากต่างประเทศ จำนวน 846 รายการ
เข้าข่ายฐานความผิดตาม พระราชบัญญัติศุลกากร, พระราชบัญญัติสรรพสามิต, พระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม, พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า และพระราชบัญญัติอาหารและยา สถานที่ตรวจยึด ถนนหลวงหมายเลข ทล.299 กม.19-20 ต.ไผ่ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงหน่วยบริการสมเด็จฯ ได้ออกปฏิบัติหน้าที่ และตรวจพบรถบรรทุกสิบล้อ จำนวน 3 คัน ขับตามกันมาจากอำเภอสมเด็จ มุ่งหน้าเข้าจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยมีลักษณะบรรทุกสิ่งของมาเต็มคันรถ เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจสอบสิ่งของที่บรรทุกมา จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าบรรจุภัณฑ์เป็นสินค้าที่มาจากจีน ต่อมาจึงได้มีการเชิญศุลกากรมาร่วมตรวจสอบในเบื้องต้นด้วยที่สถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจทางหลวง (ร้อยเอ็ด) โดยตรวจสอบพบสินค้าที่เชื่อว่าไม่ผ่านพิธีการศุลกากร, สินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่มี มอก., สินค้าที่เป็นเครื่องหมายการค้าของผู้อื่น, สินค้าควบคุมตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย อีกทั้งยังมีสุราและบุหรี่จากต่างประเทศตามพระราชบัญญัติสรรพสามิต และสินค้าน้ำยาฟอกไตที่ต้องอยู่ในการควบคุมคุณภาพตามพระราชบัญญัติอาหารและยา รวมถึงสินค้าเบ็ดเตล็ดอีกหลายร้อยรายการที่ไม่ผ่านพิธีการศุลกากร อาทิเช่น อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดสินค้าดังกล่าวและนำส่งพนักงานสอบสวนและศุลกากร ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การของผู้ขับขี่รถบรรทุกทั้ง 3 ราย ให้การว่า รับสินค้ามาจากสะพานมิตรภาพไทยลาว และจะนำส่งโกดังพื้นที่ภาคกลาง โดยได้รับค่าจ้างเป็นเที่ยว
ทั้งนี้นายจ้างไม่มีเอกสารที่เกี่ยวข้องกับสินค้ามอบให้กับผู้ขับขี่แต่อย่างใด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ดำเนินการติดตามผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป