ปมขาดจริยธรรมอย่างร้ายแรงกรณีปี 66 เหล่าตาสีตาสาเคยไปร้องขอความเป็นธรรมที่กระทรวงถึง 2 ครั้งเพราะถูกการท่าเรือกลั่นแกล้งด้วยคดีพิเศษของดีเอสไอ แต่ รมต.กลับไม่ช่วย มิหนำซ้ำยังไปเข้าข้างการท่าเรือ ทำให้เหล่าตาสีตาสาต้องล้มหายตายจากไปหลายสิบคน
โดยสืบเนื่องจากปี 60 การท่าเรือเข้าแจ้งความต่อดีเอสไอให้ดำเนินคดีกับพนักงานและอดีตพนักงาน 560 คน กล่าวหาว่าทุจริตเบิกค่าล่วงเวลาโดยไม่ได้ทำงานจริงทำให้การท่ารือเสียหายรวมเวลา 10 ปีมูลค่าหลายพันล้านบาท แต่ต่อมาปี 65 ดีเอสไอสั่งฟ้องได้เพียง 32 คน มูลค่าความเสียหายไม่เกิน 3 ล้านบาท จึงแสดงว่าเหล่าตาสีตาสาที่เหลือกว่า 500 คนเป็นผู้บริสุทธิ์ จึงพากันไปที่กระทรวงคมนาคมของให้รัฐมนตรีที่กำกับดูแลการท่าเรือตรวจสอบว่าใครผิดใครถูก โดยไปถึงสองครั้งสองคราว แต่ก็ไม่เคยได้พบรัฐมนตรี โดยการไปครั้งที่สองก็จับได้ว่า มีผู้บริหารการท่าเรือดอดพบรัฐมนตรีและกันท่าไม่ให้เหล่าตาสาตาสาเข้าพบและยังปล่อยให้ยืนตากแดดที่หน้ากระทรวงนานหลายชั่วโมง และเรื่องร้องเรียนก็ไร้คำตอบว่า รมต.จะตัดสินใครผิดใครถูก แต่การท่าเรือก็ยังเดินหน้าที่จะหาเรื่องแจ้งข้อหาเหล่าตาสีตาสาเพิ่มอีกโดยอ้างว่ามีจำนวน 90 คน แต่ก็เป็นแค่ราคาคุย ตนจึงขอท้าว่า ถ้ามีคนทำผิดจริงไฉนเลย 34 คน พนักงานอัยการจึงเลื่อนสั่งฟ้องคดีมาโดยตลอดรวมเวลา 17 เดือนแล้ว โดยล่าสุดนัดให้ 34 คนมาฟังคำสั่งในวันที่ 28 ส.ค.67 จึงจับได้แล้วว่าการกล่าวอ้างเรื่องมีผู้ต้องหาเพิ่มอีก 90 คนเป็นแค่กลยุทธของการท่าเรือโดยได้รับความร่วมมือจาก รมต.ที่ต้องการจะปิดเรื่องร้องเรียนของเหล่าตาสาตาสานั่นเอง วันนี้ตนเห็นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญล่าสุดเกี่ยวกับประเด็นจริยธรรมของนักการเมืองแล้ว เห็นควรให้เหล่าตาสีตาสากว่าร้อยคนร้องเรียนจริยธรรมรัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วยกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลชุดใหม่ในประเด็นขาดจริธรรมอย่างร้ายแรง โดยหลังจากรัฐมนตรีได้รับการโปรดเกล้าแล้วจะมีการเลื่อนไหวใหญ่ของเหล่าตาสีตาสาเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน