“…กองทัพเรือชี้แจงต่อข้อกล่าวหา กรณีการจัดหาเรือดำน้ำและท่าจอดเรือดำน้ำ ยันไม่รู้เรื่อง นายกฯ สั่งเจรจาซื้อเรือดำน้ำ เชื่อเป็นการโยงการเมืองเพื่อเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจ ชี้การสร้างท่าจอดเรือโปร่งใสเป็นไปตามสัญญา ยืนยันว่างบประมาณที่กองทัพเรือได้รับ จะถูกใช้อย่างคุ้มค่าเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ…”
พลเรือโท ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงกรณี นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงข่าว ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2565 เวลา 10.00 น. โดยกล่าวโจมตีกองทัพเรือในประเด็นเรือดำน้ำ และ ท่าจอดเรือดำน้ำ ซึ่งโฆษกกองทัพเรือได้ชี้แจงแยกเป็นประเด็นต่างๆ ดังนี้
1.กรณี กล่าวหา ว่า นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ กองทัพเรือ เจรจากับ บริษัท CSOC เรื่องปัญหาเครื่อง MTU ของเรือดำน้ำ ให้เสร็จสิ้นก่อน 23 พฤษภาคม 2565 กองทัพเรือ ขอเรียนว่า กองทัพเรือไม่ทราบเรื่องนี้ เชื่อว่าเป็นการพยายามโยงประเด็นเรือดำน้ำให้เกี่ยวข้องเพื่อให้อยู่ในกระแส เพื่อเตรียมการสำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ กองทัพเรือจึงขอไม่ตอบประเด็นนี้ อย่างไรก็ตามอยากเรียนชี้แจงกับประชาชนว่า กองทัพเรือเร่งรัดการดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเต็มที่อยู่แล้ว ปัจจุบันกองทัพเรือยืนยันตามสัญญา คือเรือดำน้ำจะใช้เครื่องยนต์ MTU 396 ของเยอรมัน อย่างไรก็ตาม ขอความกรุณาอย่าเพิ่งคาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าและสร้างความสับสนให้กับประชาชน กองทัพเรือจะมีการเจรจากับบริษัท CSOC และจะแจ้งความก้าวหน้าให้ประชาชนทราบอย่างตรงไปตรงมาต่อไป ในเรื่องนี้ขอให้มั่นใจว่า กองทัพเรือจะแก้ไขปัญหาอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง ตรงไปตรงมา ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อกำลังพลของกองทัพเรือเอง และประเทศชาติได้ประโยชน์สูงสุด
2.ต่อข้อกล่าวหาว่า งานก่อสร้างท่าจอดเรือดำน้ำยังไม่มีความก้าวหน้าเช่นเดิม ถึงแม้ได้เบิกเงินล่วงหน้าไปแล้ว รวมถึงให้บริษัท CRCC รับช่วงต่อจาก บริษัท CSOC และบริษัทแสงเจริญ นั้นกองทัพเรือ ขอเรียนว่า การดำเนินการก่อสร้างท่าจอดเรือดำน้ำขณะนี้บริษัท CSOC ได้ดำเนินการก่อสร้างตามสัญญา ซึ่งกองทัพเรือได้เร่งรัดให้บริษัทฯ ทำให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญา ส่วนการเบิกเงินล่วงหน้าเป็นเรื่องปกติของทุกโครงการก่อสร้าง แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ก็ได้วางเอกสารทางการเงินเป็นหลักประกันเท่ากับจำนวนเงินที่เบิกล่วงหน้า ดังนั้นหากมีการบอกเลิกสัญญา กองทัพเรือ ก็สามารถเรียกเงินคืนได้โดยไม่เสียเปรียบ ในส่วนการดำเนินการจัดหาบุคลากร อุปกรณ์ และเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อก่อสร้างท่าเรือดำน้ำเป็นการดำเนินการของบริษัท CSOC เพื่อให้งานแล้วเสร็จตามสัญญา ซึ่งกองทัพเรือได้ตรวจสอบแล้ว พบว่า บริษัท CSOC ได้ว่าจ้างหลายบริษัทมาสนับสนุนการก่อสร้าง และมีการขออนุญาตอย่างถูกต้อง ทั้งนี้ ภาพท่าจอดเรือดำน้ำที่นำมาแสดงและอ้างว่าเป็นท่าจอดเรือดำน้ำที่กองทัพเรือกำลังก่อสร้างอยู่นั้น บางภาพไม่ใช่ภาพจริง ในการนี้กองทัพเรือขอให้ใช้วิจารณญานอย่างยิ่งในการนำเรื่องไม่จริงหรือจริงบางส่วน (Half-truth) และเรื่องที่เป็นความลับทางราชการมาเผยแพร่ให้กับประชาชน ซึ่งเป็นการทำให้สังคมแตกแยก ทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ข้อมูลของฝ่ายเรา ซึ่งไม่เป็นผลดีทั้งกับประเทศชาติและประชาชน
3. กรณีอ้างว่า ครูสอนภาษาที่ควบคุมงานก่อสร้างฯ ได้พักอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านเอกธานี หน้ากองเรือยุทธการ กองทัพเรือขอเรียนว่า หมู่บ้านดังกล่าวอยู่นอกพื้นที่ของกองทัพเรือ ซึ่งหากมีบุคคลใด ไม่ว่าสัญชาติใดก็ตาม กระทำความผิดกฎหมาย เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะเข้าทำการตรวจสอบ จับกุมและดำเนินคดี รวมทั้งจากการที่เคยชี้แจงเมื่อ 22 มีนาคม 2565 ไปแล้วว่า ผู้แทนที่บริษัท CSOC แต่งตั้งเพื่อควบคุมงานก่อสร้าง โดยมีเอกสารสัญญาที่ชัดเจน คือนาย Lang Qingxu ซึ่งเป็นผู้บริหารโครงการ และมีนายจักรพงษ์ วงศ์ธนปกรณ์ เป็นวิศวกรโครงการ มีคุณวุฒิวิศวกรโยธาระดับสามัญ ส่วนครูสอนภาษานั้น ตรวจพบว่า บริษัทCSOC ได้จ้างบุคคลเหล่านี้จริง โดยทำหน้าที่ฝ่ายจัดซื้อ ไม่ได้ควบคุมงานทางวิศวกรรม ต่อมาภายหลัง กองทัพเรือตรวจพบด้วยตนเองว่าบุคคลดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตทำงานที่ถูกต้อง จึงไม่อนุญาตให้เข้ามาในพื้นที่โครงการก่อสร้างตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 ก่อนที่จะถูกนายยุทธพงศ์กล่าวหาในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ดังนั้นจึงอยากจะให้ตรวจสอบอำนาจหน้าที่ให้ชัดเจน ถูกต้อง ก่อนที่จะนำข้อมูลไปชี้แจงกับประชาชน
โฆษกกองทัพเรือ เน้นย้ำว่า “กองทัพเรือขอยืนยันต่อพี่น้องประชาชนอีกครั้ง ว่างบประมาณที่กองทัพเรือได้รับ จะถูกใช้อย่างคุ้มค่าเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ แม้โครงการจัดหาเรือดำน้ำอาจจะมีอุปสรรคบ้างแต่ก็จะพยายามแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้ดีที่สุด และขอยืนยันว่าทุกโครงการที่กองทัพเรือดำเนินการเป็นไปด้วยความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ ตามนโยบายของ พลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ”