วันพฤหัสบดี, กันยายน 19, 2024
หน้าแรกต่างประเทศจีนดีเบต "ทรัมป์-แฮร์ริส" สะท้อนภาพ “อเมริกา” พ่ายแพ้ “จีน” ในเวทีโลก

Related Posts

ดีเบต “ทรัมป์-แฮร์ริส” สะท้อนภาพ “อเมริกา” พ่ายแพ้ “จีน” ในเวทีโลก

การดีเบตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน กับ คามาลา แฮร์ริส พรรคเดโมแครต ต่างตอบโต้กันเกี่ยวกับนโยบายจีน โดยทรัมป์ได้กล่าวถึงนโยบายการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน เพิ่มเติมในอัตรา 60% – 100% พร้อมเสริมว่า รัฐบาลของเขาได้รับ “เงินหลายพันล้านดอลลาร์” จากจีน แม้การกระทำดังกล่าว จะก่อให้เกิด “สงครามการค้า” สะเทือนไปทั่วโลก

@suebjarkkhao

ดีเบต -ทรัมป์-แฮร์ริส–

♬ เสียงต้นฉบับ – Suebjarkkhao – Suebjarkkhao

ในขณะที่ แฮร์ริส มองว่า คณะบริหารของทรัมป์ ยังอ่อนแอกับจีนเกินไป รัฐบาลภายใต้การนำของทรัมป์ จบลงด้วยการขายชิปอเมริกันให้กับจีน เพื่อช่วยให้จีนปรับปรุง และสร้างความทันสมัย ทั้ง ๆ ที่นโยบายเกี่ยวกับจีน ควรจะเป็นนโยบายที่ทำให้เรามั่นใจว่า สหรัฐอเมริกาจะชนะการแข่งขันในศตวรรษที่ 21 ด้วยการมุ่งเน้นไปที่การลงทุนในเทคโนโลยี ที่มีฐานในอเมริกา เพื่อให้เราชนะการแข่งขัน ในด้านเทคโนโลยียุคใหม่

ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน เกิดขึ้นจากการที่สหรัฐมองว่า จีนเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคง และผลประโยชน์ของสหรัฐ และเริ่มต้นทำสงครามการค้ากับจีน โดยมีการดำเนินมาตรการทางภาษีตอบโต้ระหว่างกัน ตั้งแต่ปี 2561 ความขัดแย้งได้ขยายวงกว้างไปยังด้านอื่น โดยเฉพาะการแย่งชิงความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยี ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และการเป็นมหาอำนาจของโลก โดยเฉพาะการส่งเสริมอุตสาหกรรม ที่มีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ การสื่อสาร และพลังงาน

สถาบันนโยบายยุทธศาสตร์ออสเตรเลีย ระบุในรายงาน Critical Technology Tracker ซึ่งติดตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่สำคัญว่า จีนมีศักยภาพที่จะกลายเป็นมหาอำนาจด้านเทคโนโลยีอันดับ 1 ของโลก โดยปัจจุบัน จีนครองความเป็นผู้นำแล้วในหลายสาขา ตั้งแต่การป้องกันประเทศ, อวกาศ, วิทยาการหุ่นยนต์, พลังงาน, สิ่งแวดล้อม, เทคโนโลยีชีวภาพ, ปัญญาประดิษฐ์, วัสดุขั้นสูง ไปจนถึงเทคโนโลยีควอนตัม

ในอีกด้านหนึ่ง จีนกำลังเชื่อมต่อห่วงโซ่อุปทานพลังงานสีเขียวในอนาคต ควบคุมปัจจัยการผลิตหลักหลายอย่างที่จำเป็นสำหรับแผงโซลาร์เซลล์ แบตเตอรี่ และเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ รวมถึงลิเทียม (50% ของการผลิตทั่วโลก) โพลีซิลิคอน (60%) ธาตุหายาก (70%) แกรไฟต์ (70%) การสกัดโคบอลต์ (80%) และการสกัดธาตุหายาก (90%) บริษัทจีนเป็นเจ้าของเหมืองโคบอลต์ ที่ใหญ่ที่สุด 8 จาก 14 เหมืองในคองโก (คิดเป็น 30% ของผลผลิตทั่วโลก) และถือหุ้น 51% ในแหล่งสำรองลิเทียม ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้จีนเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของฮาร์ดร็อกลิเทียม ที่มีมากกว่า 50% ของการผลิตทั่วโลก  ในขณะที่สหรัฐต้องนำเข้าลิเทียม 40% โคบอลต์ 80% และแกรไฟต์ 100%

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ จะหยิบยกนโยบายต่อต้าน “จีน” มาเป็นประเด็นหลักในการชิงคะแนนเสียงครั้งนี้

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts