เมื่อวันพุธที่ (25 ก.ย.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีน ออกมาคัดค้านข้อเสนอของสหรัฐฯ ในการจำกัดการใช้ยานยนต์เชื่อมต่อของจีน รวมถึงซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ของยานยนต์เหล่านี้ในสหรัฐฯ ด้วยข้ออ้างว่า เป็นความมั่นคงระดับชาติ
มาตรการดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินการของสหรัฐฯ ที่มุ่งเป้าต่อต้านยานยนต์จีน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการปรับเพิ่มภาษี การจำกัดการจัดซื้อ และการอุดหนุนแบบเลือกปฏิบัติ
โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน เผยว่า ข้อเสนอนี้ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง ละเมิดหลักการของเศรษฐกิจแบบตลาด และการแข่งขันอันเป็นธรรม ทั้งยังเป็นการกีดกันทางการค้า ซึ่งจะส่งผลกระทบรุนแรง ต่อความร่วมมือจีน-สหรัฐฯ ในด้านยานยนต์ บิดเบือนห่วงโซ่อุตสาหกรรม และอุปทานยานยนต์ระดับโลก ส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของผู้บริโภคในสหรัฐฯ
“ข้อเสนอดังกล่าว ขัดแย้งกับการตลาดเสรี ใช้อำนาจรัฐบาลเข้ามาแทรกแซง ถือเป็นการบีบบังคับทางเศรษฐกิจ” โฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีน ระบุ
พร้อมย้ำว่า จีนเรียกร้องให้สหรัฐฯ ยุติการหยิบยกประเด็นเรื่องความมั่นคงของชาติ มาเป็นข้ออ้าง ยกเลิกข้อจำกัดที่เกี่ยวข้อง และยุติการสกัดบริษัทจีนอย่างไร้เหตุผล
ในวันเดียวกัน หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวระหว่างพบปะกับตัวแทนและนักธุรกิจสหรัฐฯ นอกรอบการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ณ มหานครนิวยอร์ก ว่าบทเรียนสำคัญที่สุด จากความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ คือทั้งสองประเทศควรเป็นหุ้นส่วนกัน ไม่ใช่คู่แข่งกัน
หวัง กล่าวว่า ฝ่ายสหรัฐฯ ควรตระหนักว่า จีนมีสิทธิ์ที่จะพัฒนาเช่นกัน และการพัฒนาของจีนนั้นถือเป็นโอกาสสำหรับสหรัฐฯ และโลก ไม่ใช่ความท้าทาย
จีนและสหรัฐฯ ควรมุ่งมั่นพัฒนาความสัมพันธ์ที่มีเสถียรภาพ แข็งแรง และยั่งยืน สหรัฐฯควรมีความเข้าใจที่เป็นกลาง มีเหตุผลเกี่ยวกับจีน เพิ่มความเข้าใจ ความไว้วางใจ ทำงานร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศ เพื่อรับมือกับความท้าทายมากมาย ที่โลกกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน