คราบน้ำตาชาวบ้าน…บน รอยบาป…”ระบอบราชการ”
โศกนาฏกรรม….ในรถบัสที่เกิดกับชีวิต ครู นักเรียน 23 ชีวิต ไม่อาจจะลบความเศร้าสลดใจ ของครอบครัวที่อยู่ข้างหลัง ให้เลือนหายไปได้
ชั่วชีวิต…ของพี่น้องเหล่านั้น!!
แค่ “ไฟไหม้ฟาง” หรือ “วัวหายล้อมคอก”
ในระบบราชการ ที่คุ้นเคย การเอาตัวรอด
ชั่วชีวิต…ผู้ประกอบการ ผู้มีส่วน ร่วมกัน เห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัว
คิดหรือว่า…เวร-กรรม ที่พวกคนใจบาปเหล่านั้น นำมาใช้กับธุรกิจ
พวกใจดำ ใจร้าย จะรอดพ้นกรรม ตามมาเกาะติดหลัง เร่งให้ชดใช้
ได้เห็นในชาตินี้…หนีไม่พ้นหรอก
ความช่วยเหลือจากรัฐ…มากน้อยแค่ไหน ไม่อาจจะช่วยให้ครอบครัวของผู้จากไป มาลบความทรงจำ กับภาพเหล่านั้น…ไปได้
หาใช่เงินส่วนตัวของรัฐมนตรี หรือ ข้าราชการที่รับผิดชอบ ที่มาเยียวยาได้ตลอดชีวิต
มันยังเป็นร่องรอยแห่ความทุกข์ เกาะติดรอยบาปร่วมกัน ไม่จบสิ้น!!
บุญ-กุศล ที่ต้องเร่งส่งไปให้ถึง ดวงวิญญาณ บนสวรรค์ และช่วยกันลบร่องรอยความบกพร่อง ที่มีส่วนร่วมกัน รักษาแผลเป็น พอผ่อนคลายได้บ้าง…
ต้องเร่งจัดการกับ…พวกร่วมกันก่อ “โศกนาฏกรรม” เหล่านั้นให้หมดไป
ใช่แค่…วัน-เวลาผ่านไป เหมือนไฟไหม้ฟาง วัวหายล้อมคอก ข้ามความรับผิดชอบได้
เพื่อรักษาระบบราชการ…ที่เคยชิน หาส่วนเกินกินกัน แทบทุกหน่วยงาน
เอาความเป็นความตายของคน มาเป็นสินค้า ส่งเสริมให้คนใจบาปสายธุรกิจ หาผลประโยชน์…ร่วมกันมาตลอด
รัฐบาล “แพทองธาร” เป็นผู้นำรุ่นใหม่ จะได้ใจประชาชนยิ่งขึ้น หากไม่หลงตัว ลืมตน
ตกเป็นเหยื่อนักการเมืองรุ่นพ่อ ที่ยังหลงทาง จูงมือกันเดินริมขอบนรกมาตลอด
รีบเดินออกจากกองมรดกบาปเหล่านั้นได้เมื่อไหร่…ท่านนายกฯ “อุ๊งอิ๊ง” จะหลุดพ้นคำนินทา
แก้ปัญหา ที่มาของ โศกนาฏกรรม ชีวิต ครู-นักเรียน 23 ร่าง ได้แค่ วัวหายล้อมคอก…ไฟไหม้ฟาง เท่านั้น
ก็เพราะ คนรุ่นพ่อสอนไว้…ให้ยืนเอียงข้างข้าราชการไว้ก่อน
จึงยอมก้มหัว ไปกับคนใจร้ายในระบอบราชการ แก้ตัวกันได้…แบบ “แก้ผ้าเอาหน้ารอด”
คงอยู่กับประชาชนได้…น้อยวันลง.