วันพุธ, ตุลาคม 16, 2024
หน้าแรกอาชญากรรม“ราชทัณฑ์ แจงกรณีผู้ต้องหาชาวเกาหลีใต้ อ้างอัดคลิปจากเรือนจำไทย”

Related Posts

“ราชทัณฑ์ แจงกรณีผู้ต้องหาชาวเกาหลีใต้ อ้างอัดคลิปจากเรือนจำไทย”

ตามที่สำนักข่าวอิศราได้นำเสนอข่าว ผู้ต้องหาคดียาเสพติดชาวเกาหลีใต้ อายุ 44 ปี ได้อัดคลิป ไลฟ์สดภายในรถคุมขัง และถูกควบคุมตัวภายในสถานที่แห่งหนึ่ง โดยสำนักข่าว Maeil Business Newspaper หรือแมอิล รายงานข่าวกรณีที่ ผู้ต้องหารายดังกล่าว ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยว่าได้ลักลอบขนยาเสพติด โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สภ.หนองปรือ                

เข้าจับกุมตัวได้ที่โรงแรมในพื้นที่อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรีเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2567 นั้น กรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานว่า สปป.(ปป.1 พื้นที่ภาคกลาง ปท.ส่วนประสานงานต่างประเทศ)ประสานความร่วมมือกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานอัยการสูงสุดเกาหลี (SPO) สำนักข่าวกรองแห่งชาติสาธารณรัฐเกาหลี (NIS) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติสาธารณรัฐเกาหลี เข้าจับกุมชาวเกาหลี 1 ราย โดยผู้ต้องหามีพฤติการณ์จัดหายาเสพติด (ไอซ์) จากประเทศไทยส่งไปยังสาธารณรัฐเกาหลี มีความเกี่ยวข้องกับคดีเมื่อเดือนธันวาคม 2566 ซึ่งทางการเกาหลีตรวจยึดพัสดุระหว่างประเทศที่ส่งมาประเทศไทย พบไอซ์ 38.46 กรัม ซุกซ่อนมาในถุงกาแฟ และถุงถั่ว ทางการเกาหลีขยายผลจับกุมผู้รับพัสดุดังกล่าว และสอบปากคำทราบว่าผู้จัดส่ง        

ยาเสพติด คือ ผู้ต้องหาดังกล่าวทางการเกาหลีจึงรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ และสามารถสืบทราบว่าบุคคลดังกล่าวได้หลบหนีมาอาศัยอยู่ในประเทศไทย และเข้าจับกุมผู้ต้องหาได้ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2567 ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในพื้นที่อำเภอบางละมุงจังหวัดชลบุรี จึงประสานความร่วมมือไปยังสำนักงานตรวจคน        

เข้าเมือง เพื่อให้พิจารณายกเลิกการตรวจลงตรา (วีซ่า) จากการตรวจสอบของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พบว่าบุคคลดังกล่าวอยู่เกินกำหนดระยะเวลาอนุญาต(Overstay)  
               

เพื่อให้ทราบถึงข้อเท็จจริงต่อกรณีดังกล่าว กรมราชทัณฑ์ จึงได้เร่งให้เรือนจำในพื้นที่ดำเนินการตรวจสอบข้อมูล ซึ่งทางเรือนจำพิเศษพัทยา ได้รายงานว่า ไม่เคยรับตัวผู้ต้องหาชาวเกาหลีใต้รายนี้เข้าควบคุมภายในเรือนจำฯ และภาพห้องขังที่ปรากฎภายในคลิปนั้น มิใช่สถานที่ภายในเรือนจำ นอกจากนี้จากการตรวจสอบในระบบข้อมูลผู้ต้องขังของกรมราชทัณฑ์ ไม่พบว่ามีชื่อบุคคลดังกล่าวแต่อย่างใด  ทั้งนี้ โทรศัพท์มือถือจัดเป็นสิ่งของต้องห้าม และหากพบว่า มีการนำโทรศัพท์เข้าภายในเรือนจำ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่หรือผู้ต้องขังก็ตาม ถือเป็นความผิดและต้องถูกดำเนินการทางวินัยตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ต่อไป

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts