วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 24, 2024
หน้าแรกการเมือง“ชูวิทย์” ซัด “จุรินทร์” หลังย้ำไม่ลาออก

Related Posts

“ชูวิทย์” ซัด “จุรินทร์” หลังย้ำไม่ลาออก

“ชูวิทย์” ซัด “จุรินทร์” อย่างนี้สิ! เลือดแท้ ประชาธิปัตย์! นอกจากเอาดีเข้าตัว ยังเอาเรื่องชั่วของรองหัวหน้าพรรค มาเป็นข้อดีในการหาแนวทางแก้ไขเสียอีก หลังยืนยันว่า แจงที่ประชุมใหญ่พรรคแล้ว กรณี “ปริญญ์” ย้ำไม่ลาออกจากหัวหน้า ปชป. ไม่ได้ผลักความรับผิดชอบ แต่ต้องอยู่ในขอบเขต ทุกสมัยก็มีปัญหา กก.บห.ก็เข้าไปแก้ไขไม่ได้ลาออก ยันไม่ใช่ระเบิดเวลา ทุกวิกฤตมีโอกาส

เมื่อวานนี้ (23 เม.ย.65) เวลา 15.10 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 ของพรรคประชาธิปัตย์ ถึงการเรียกร้องให้กรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคลาออก ว่า ที่ประชุมมีการสอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่าพรรคได้มีการดำเนินการอะไรไปบ้าง ซึ่งเรื่องนี้ตนได้ชี้แจงให้ที่ประชุมเข้าใจ โดยกรณีของ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคนั้น ตนได้ชี้แจงแทน กก.บห. พรรค ว่า ได้มีการแถลงไปแล้วอย่างน้อยครั้งหนึ่ง นอกจากการให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านั้น และขณะนี้ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาชุดหนึ่งมี ดร.รัชดา ธนาดิเรก และบุคคลภายนอกพรรคที่เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในเรื่องสิทธิมนุษยชน บทบาทสตรี และผู้ที่ส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ เข้ามาร่วมเป็นคณะทำงาน และเป็นคณะกรรมการ ซึ่งจะเป็นผู้ที่เข้าไปช่วยดูด้วยว่า จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคตเราจะหาทางป้องกันปัญหาได้อย่างไร และจะแก้ไขปัญหาอย่างไร รวมถึงจะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขอะไรบ้าง ซึ่งอาจจะกลายเป็นต้นแบบของพรรคการเมืองทุกพรรคต่อไปในอนาคตได้

นายจุรินทร์ กล่าวว่า กรณีที่มีผู้นำข้อความทางไลน์ภายในพรรคออกไปเผยแพร่ข้างนอก ว่า เรื่องนี้ก็ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบเช่นเดียวกับที่สาธารณชนรับทราบว่าพรรคมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ รวมไปถึงการกำหนดแนวทางในการแก้ปัญหาต่อไปในอนาคตด้วย โดยมอบให้รองหัวหน้าพรรค นายนราพัฒน์ แก้วทอง เป็นผู้ดำเนินการต่อไป

เมื่อถามว่า ถึงเวลานี้ยังยืนว่าจะยังไม่ลาออกใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนได้พูดเรื่องนี้ไปแล้วว่า ความรับผิดชอบนั้น ถ้ามันเลยขอบเขตก็จะกลายเป็นความไม่รับผิดชอบ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ได้ทำไป ก็คือ เมื่อปัญหาเกิดในยุคเรา ตนก็ไม่ผลักความรับผิดชอบ เราก็มีหน้าที่เข้าไปแก้ปัญหาให้สำเร็จลุล่วงไปข้างหน้าให้ได้ และก็ไม่หนีปัญหา เพราะฉะนั้นสิ่งนี้ก็คือสิ่งที่เราได้ยึดถือยึดมั่นมา หรือแม้แต่กรณีที่ คุณวิทยา แก้วภราดัย ได้ออกมายกตัวอย่างว่าในยุคที่ท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เคยถูกกล่าวหาทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง ท่านก็ได้แสดงความรับผิดชอบหรือแสดงสปิริตด้วยการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แต่กรรมการบริหารพรรคก็ไม่ได้ลาออกแต่กรรมการบริหารพรรคชุดนั้นก็ไม่ได้หนีปัญหา และได้เข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหาด้วยการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค จนกระทั่งมีมติที่จะให้มีการปรับคณะรัฐมนตรี และตนก็เป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายจากมติพรรคให้ปรับคณะรัฐมนตรีจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการไปเป็นรัฐมนตรีว่าการสาธารณสุขเพื่อไปแก้ปัญหาในกระทรวงสาธารณสุขจากการลาออกของคุณวิทยา ซึ่งเรื่องนั้นเป็นมาตรฐานหรือเป็นสิ่งที่เราได้เคยปฏิบัติมา ยุคนี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนมาตรฐาน และยุคนี้ก็ได้ปฏิบัติไปตามนั้นเมื่อ นายปริญญ์ ได้เป็นผู้ที่ถูกกล่าวหาก็ได้ลาออกไปจากทุกตำแหน่งในพรรค ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็ไม่มีหน้าที่ที่จะแสดงความรับผิดชอบจนเกินเลยขอบเขตของความรับผิดชอบจนกลายเป็นการหนีความรับผิดชอบ และกรรมการบริหารพรรคก็มีหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาซึ่งเป็นที่มาของการตั้งคณะกรรมการ ที่มี ดร.รัชดา เข้ามาแก้ไขปัญหา

เมื่อถามว่า การชี้แจงของหัวหน้าพรรคในที่ประชุมวันนี้จะทำให้ปัญหาในพรรคคลี่คลายได้หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เรื่องนี้ในที่ประชุมก็ไม่มีผู้ใดถามเพิ่มอีก และทุกท่านก็รับทราบและเข้าใจในคำชี้แจง

ส่วนที่หลายคนมองว่าปัญหาดังกล่าวเหมือนเป็นระเบิดเวลานั้น หัวหน้าพรรคกล่าวว่า ตนไม่ไปขอตอบตรงนั้น เมื่อเรามีหน้าที่อะไร มีปัญหาเกิดขึ้นเราก็ต้องรับผิดชอบด้วยการแก้ไขปัญหา ทุกวิกฤตมีโอกาสเสมอ เพราะฉะนั้นไม่ได้แปลว่าวันนี้ประชาธิปัตย์เจอปัญหานี้แล้ว เราจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ประชาธิปัตย์จบแล้วเหมือนที่บางคนพยายามพูดให้เป็นอย่างนั้นซึ่งตนไม่คิดว่าเป็นอย่างนั้น

“ทุกยุคทุกสมัยก็มีปัญหาเกิดขึ้น กรรมการบริหารพรรคที่สมาชิกเขาเลือกมาจากมติทั่วประเทศก็มีหน้าที่เข้าไปแก้ปัญหาไม่ว่าองค์กรใด ไม่ใช่เฉพาะประชาธิปัตย์ ทุกองค์กรมีปัญหาได้ทั้งสิ้น คนที่รับผิดชอบองค์กรก็ต้องแก้ปัญหาในรัฐบาลก็มีปัญหา ไม่ใช่ไม่มี คนที่เป็นนายกรัฐมนตรี คนเป็นรัฐมนตรีก็มีหน้าที่เข้าไปแก้ปัญหา เพราะเขาเลือกขึ้นมาเป็นผู้บริหารพรรค หรือผู้บริหารองค์กรเพื่อไปแก้ปัญหา ถ้าหนีปัญหาก็กลายเป็นความไม่รับผิดชอบประการหนึ่งเหมือนกัน ทุกอย่างมีหลายมุม”

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังเพิ่มเติมอีกว่า ขอถือโอกาสนี้ขอบคุณสมาชิกจากทุกภาคทั่วประเทศที่กรุณามาให้กำลังใจกับตนและกรรมการบริหารพรรคทุกคน ขอขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง สิ่งเดียวที่ตนและคณะกรรมการบริหารพรรคจะทำได้ก็คือเราต้องปฏิบัติหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดให้สมบูรณ์แบบที่สุด แล้วพาพรรคให้เดินข้างหน้าให้ได้ ทุกวิกฤตมีโอกาสเสมอ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องพลิกวิกฤตนี้ให้เป็นโอกาสในการที่จะนำพรรคเดินไปข้างหน้าต่อไปและส่งไม้ต่อให้คนรุ่นต่อๆ ไป ให้คนรุ่นใหม่ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดไป เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อไปในอนาคต

เมื่อถามว่าหากมี กก.บห.ของพรรคประสงค์ลาออกจะมีแนวทางอย่างไรนั้น หัวหน้าพรรค กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นสิทธิ์ของแต่ละท่าน เราก็ต้องเคารพการตัดสินใจของทุกคน

เมื่อถามว่าย้ำว่า พรรคจะปล่อยให้เสียบุคลากรของพรรคต่อไปอีกเรื่อยๆ หัวหน้าพรรค กล่าวว่า ในทุกวิกฤตก็มีโอกาส เมื่อเราไม่ประสงค์ให้ใครออกจากพรรค แต่ถ้าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราก็มีหน้าที่ต้องหาคนใหม่ในการเข้ามาชดเชยทดแทน ทุกองค์กรก็มีเข้ามีออก ทุกองค์กรก็มีสิ่งที่หมดภารกิจไป แต่ตนก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการที่ใครจะลาออก อย่าเข้าใจผิด แต่ทุกองค์กรต้องมีหน้าที่สร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นมาในการที่จะต่อเติมอนาคตให้กับองค์กรนั้นๆ ประชาธิปัตย์ก็เหมือนกัน ทุกพรรคก็เหมือนกัน ไม่ใช่เฉพาะประชาธิปัตย์ ไม่งั้นประชาธิปัตย์อยู่ยั้งยืนยงมา 76 ปี แล้วเดินหน้าสู่ปีที่ 77 ต่อไปไม่ได้

ด้านนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์ถึงกรณีดังกล่าวว่า

อย่างนี้สิ! เลือดแท้ ประชาธิปัตย์!

“จุรินทร์” ย้ำไม่ลาออก ปัดผลักความรับผิดชอบ แต่ต้องแก้ปัญหาในขอบเขต หากจะรักษาพรรคประชาธิปัตย์ไว้ หัวหน้าพรรคต้องเสียสละ “ลาออก” แสดงสปิริต

ในเมื่อสโลแกนพรรคบอก “พรรคเลือกคน”

หากพรรค โดยหัวหน้าพรรค เลือกรองหัวหน้าที่มีผู้หญิงเรียงแถวมาแจ้งความทั้ง คดีอนาจาร ข่มขืน พรากผู้เยาว์

แล้วหัวหน้าพรรคยังจะมีหน้าบอกว่า “ต้องอยู่ต่อ ในเมื่อเกิดปัญหาในยุคเรา ก็ไม่อยากผลักความรับผิดชอบ”

มันไม่ได้เกิดปัญหาใน “ยุคท่าน” แต่มันเกิดปัญหาเพราะ “ตัวท่าน”

แถมยังบอกอีกว่า “เรามีหน้าที่แก้ไขปัญหาให้สำเร็จลุล่วงไปข้างหน้า ซึ่งอาจเป็นต้นแบบของพรรคการเมืองทุกพรรคต่อไปในอนาคต”

อื้อหือ! นอกจากเอาดีเข้าตัว ยังเอาเรื่องชั่วของรองหัวหน้าพรรค มาเป็นข้อดีในการหาแนวทางแก้ไขเสียอีก

บิดได้สวย เเต่คนรู้ทัน

พรรคตกต่ำขนาดนี้ ยังมีหน้าจะมาเป็นต้นแบบให้พรรคอื่นๆ ในอนาคตได้อีกหรือ?

ฟังท่านแล้วชาวบ้านต้องรีบไปล้างหู!

หากอยากอยู่เป็นหัวหน้าพรรค ก็อยู่ไปเถอะครับ

สมกับคำขวัญพรรคประชาธิปัตย์โดยแท้ที่ว่า

“สจฺจํเว อมตา วาจา คำสัตย์แล เป็นวาจาไม่ตาย”

บทความก่อนหน้านี้
บทความถัดไป

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts